สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกแล้ว โตเกียวนี่ถือได้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆที่จะเลือกกันเลย ในหน้านี้เราได้รวมรวบข้อมูลทุกอย่างที่จำเป็นในการไปเที่ยวโตเกียวมาให้แล้ว มีให้ครบตั้งแต่ต้นจนจบทริป แบบหน้าเดียวครบ ไปเที่ยวได้เลย TOKYO TALON GUIDE
ทำไมต้องไปโตเกียว
โตเกียวก็ถือได้ว่าเป็นเมืองแรกๆที่นิยมไปเที่ยวกันครับ นอกจากจะเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นแล้วยังเป็นเมืองที่รวมสถานที่ท่องเทียวดังๆ ฮิตๆของญี่ปุ่นด้วย เรื่องความทันสมัยคงไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะระบบการขนส่งทางรางที่มีเครือข่ายกระจายครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ ทำให้การเดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆนั้นง่าย และสะดวกมากๆ และยังเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง สวนสนุกดังๆอย่างโตเกียวดิสนีย์แลนด์ และโตเกียวดิสนีย์ซีแลนด์
เที่ยวโตเกียวช่วงไหนดี แต่ละฤดูเป็นยังไร
สภาพอากาศและอุณหภูมิโดยรวมของเมืองโตเกียวจะกึ่งๆร้อนชื้น มีความแตกต่างระหว่างฤดูกาลทั้ง 4 อย่างชัดเจน ในฤดูหนาวอาจจะมีหิมะตกบ้างแต่ไม่มาก ส่วนในฤดูร้อนจะชื้นและอบอุ่น ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจึงเป็นช่วงที่อากาศกำลังดีไม่หนาวไม่ร้อนไป เรียกว่าสบายที่สุด และยังเรียกได้ว่าเป็นช่วงไฮซีซันของการมาเที่ยวทั้งโตเกียวและทั่วประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะมีทั้งดอกซากุระหรือใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามให้ชมกันทั่วไปทั้งญี่ปุ่น ราคาตั๋วเครื่องบินและที่พักจึงมักจะสูงกว่าช่วงอื่นๆ แต่ไม่ว่ายังไงโตเกียวก็สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อาจจะมีพายุฝนบ้างในช่วงฤดูร้อน หรือพายุหิมะในช่วงฤดูหนาว ส่วนในฤดูอื่นๆ ฝนที่ตกมักจะเป็นแค่ละอองฝนเพียงเล็กน้อยระหว่างวันเท่านั้น
เดือนที่อากาศหนาวที่สุด คือ เดือนมกราคม
เดือนที่อากาศร้อนที่สุดคือ เดือนสิงหาคม
เดือนที่มีปริมาณฝนตกมากที่สุดของโตเกียว คือ เดือนมิถุนายน และเดือนกันยายน
ไปเที่ยวโตเกียวใช้งบประมาณเท่าไหร่
มาดูสรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆทั้งหมดที่เกียวข้องกับการไปเที่ยวโตเกียวกัน โดยจะแบ่งออกเป็นสองแบบคือ สำหรับ สายประหยัดสุดชีวิต กับ สายทั่วๆไปประหยัดบ้างสบายบ้าง จะออกมาเป็นหน้าตาแบบนี้
ค่าตั๋วเครื่องบิน 7,000 บาท / 18,000 บาท – ราคาไปกลับ
ค่าช้อปปิ้ง 0 บาท / 10,000 บาท
ค่าที่พัก คืนละ 600 บาท / 1,500 บาท – ราคาต่อคนต่อคืน
ค่ากิน วันละ 500 บาท / 1,000 บาท
ค่าเดินทาง 200 บาท / 500 บาท
ค่าเที่ยว 500 บาท / 1,000 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อวัน 1,200 บาท / 2,500 บาท
สรุปรวมค่าใช้จ่ายสำหรับทริปโตเกียว
ทริปโตเกียว 4 วัน 3 คืน แบบประหนัดสุด ประมาณ 13,600 บาท หรือแบบทั่วๆไป ประมาณ 32,500 บาท
ทริปโตเกียว 6 วัน 5 คืน แบบประหนัดสุด ประมาณ 17,200 บาท หรือแบบทั่วๆไป ประมาณ 40,500 บาท
ทริปโตเกียว 10 วัน 9 คืน แบบประหนัดสุด ประมาณ 24,400 บาท หรือแบบทั่วๆไป ประมาณ 56,500 บาท
จะเห็นได้ว่างบประมาณที่ใช้ในการเที่ยวจริงๆแล้วเป็นสิ่งที่กำหนดเองตามสไตล์ของแต่ละคนได้ ถ้าเอาแบบประหยัดๆเลือกทุกอย่างถูกสุด รัดเข็มขัดทุกสิ่ง งบการเที่ยว 4 วัน 3 คืน อาจจะไม่ถึง 14,000 บาทก็ได้ หรือ 5 วัน 4 คืน น่าจะประมาณ 17,000 บาท (ในกรณีที่สามารถหาาตั๋วโปรโมชั่นได้ ไม่รวมค่าช็อปปิ้งและของฝาก) แต่ถ้าเอาสบายๆบิน Full Service นอนหรูขึ้น 5 วัน 4 คืน น่าจะไม่เกิน 35,000 บาท (ไม่รวมค่าช็อปปิ้งและของฝาก) ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าคำนวณงบแล้วจะเตรียมไปแบบพอดีๆเป๊ะๆ เอาให้ดีต้องมีเผื่อเหตุฉุกเฉินไว้บ้างอย่างน้อยซัก 10,000 บาทและบัตรเครดิตซักใบกำลังดี เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ เกิดอะไรขึ้นปุ๊บปั๊บจะได้ใช้จ่ายได้ทันควันแถมอุ่นใจขึ้นเยอะ นอกจากนี้ถ้าไปเที่ยวนานๆแล้วไม่ได้เที่ยวอยู่แค่ในโตเกียว ค่าใช้จ่ายอาจจะมากกว่านี้ โดยเฉพาะค่าเดินทางและค่าที่พัก
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในโตเกียว
ถนนช้อปปิ้งนากามิเสะ ยาวประมาณ 200 เมตร เป็นเส้นหลักที่จะเดินไปยังวัดเซนโซจิ ตามทางจะมาของขายมากมายโดยจะเฉพาะของที่ระลึกต่างๆ เช่น ชุดยูกาตะ, ร่มพับ, ขนมขบเคี้ยวหลากหลายชนิด เป็นถนนเส้นที่คึกคักเกือบตลอดเวลา
ในปัจจุบันเป็นอยู่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่น โดยรอบพระราชวังเป็นพื้นที่ของสวนขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยคูเมืองและกำแพงหิน สามารถเดินมายังปราสาทได้จากสถานนีโตเกียวใช้เวลาประมาณ 10 นาที
เป็นตลาดค้าส่งปลา,ผักและผลไม้ขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโตเกียว ในบรรดาตลาดค้าส่งที่กระจายอยู่ในโตเกียวนั้น ตลาดปลาแห่งนี้นับเป็นที่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นหนึ่งในตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ตลาดซึกิจินั้นเป็นเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือส่วนภายนอกซึ่งมีร้านค้าปลีกและร้านอาหารตั้งเรียงรายเป็นจำนวนมาก และส่วนภายในซึ่งเป็นบริเวณที่ร้านค้าส่งใช้เจรจาธุรกิจและเป็นจุดที่มีการปรมูลปลาทูน่าที่มีชื่อเสียง
เป็นสวนสนุกที่สร้างขึ้นโดยบริษัทผลิตภาพยนตร์การ์ตูนวอลท์ดิสนีย์ เปิดให้บริการในปี 1983 ซึ่งเป็นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์แห่งแรกที่สร้างขึ้นนอกประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยธีมหลัก 7 ธีม โดยตกแต่งตามฤดูกาล และมีการเดินขบวนพาเหรดที่สนุกสนาน
ได้ต้นแบบมาจากหอไอเฟลที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส มีความสูงใกล้เคียงกันมากซึ่งหอไอเฟลสูงกว่าแค่ 13 เมตรเท่านั้นเอง โตเกียวทาวเวอร์สร้างเสร็จเมือประมาณปี 1958 เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของโตเกียว ด้านบนของโตเกียวทาวเวอร์นั้นจะเป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุ นอกจากนี้ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวให้ขึ้นไปชมวิวด้านบนอีกด้วย
ของกินสุดอร่อย ห้ามพลาดในโตเกียว
▌ร้านราเมงข้อสอบอิชิรัน ราเมงชื่อดังย่านชิบูย่า (Ichiran Ramen)
ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครของทางร้านอิชิรันอย่างที่เรากล่าวไปแล้วคือ ร้านนี้โดดเด่นมากในการปรุง น้ำซุป โดยทางร้านนั้นจะจะปรุงน้ำซุปแบบทงคัตสึ พร้อมด้วยเมนูราเม็นแบบต่างๆที่เปิดให้ลูกค้าได้เลือกมากถึง 40 ชนิดเลยทีเดียว อยากได้แบบไหนก็เอาไปได้เลย ไม่ว่าจะชอบกินเส้นราเม็นแบบไหน น้ำซุปแบบปกติหรือแบบทงคัตสึก็สามารถสั่งได้ดั่งใจ และมีบริการท็อปปิ้ง ที่สามารถให้ทางร้าน ราดมาได้เลย และยังมีบริการที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงคล้ายๆร้านสะดวกซื้ออีกด้วย
▌เกี๊ยวซ่า โนะ โอโช ร้านเกี๊ยวซ่าระดับ TOP ของญี่ปุ่น
เกี๊ยวซ่าทอดและเกี๊ยวนึ่ง ที่มีอยู่หลากหลายไส้ให้ได้เลือกกินกัน โดยหลักๆแล้วเกี๊ยวซ่าทอดกรอบไส้หมูหรือที่เรียกกันว่า “ยากิเกี๊ยวซ่า” นั้นคือเมนูขึ้นชื่อมากที่สุดของร้านนี้เลยก็ว่าได้
▌ร้านข้าวหน้าปลาไหลชื่อดัง โอบะนะ Obana Unagi
สำหรับคนที่ชอบทานอาหารญี่ปุ่น อย่างเมนูข้าวหน้าปลาไหล(Unagi)แล้ว แน่นอนว่าหากมีโอกาสได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นที่เมืองโตเกียว ก็ไม่พลาดที่จะไปลิ้มลองรสชาติของข้าวหน้าปลาไหลสูตรต้นตำรับอย่างแน่นอน ร้านโอบะนะ(Obana) ซึ่งจะมีลักษณะเฉพาะคือ ปลาไหลย่างมีเนื้อหนาแน่นแต่นุ่มฟู มีการหมักซอสกับปลาไหลที่เข้าเนื้อกันเป็นอย่างดี และยังย่างปลาไหลแบบทั้งตัวอีกด้วย ที่นอกจากเมนูข้าวหน้าปลาไหลที่แสนอร่อยแล้ว ยังมีเมนูเกี่ยวกับปลาไหลหลากหลายเมนูเลยทีเดียว
▌ร้านซูชิสายพานอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น: Mawashi-zushi Katsu
ร้านซูชิสายพานยอดนิยมของโตเกียวที่ทั้งถูกและดี ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่อยู่เสมอมาแล้วไม่มีคำว่าผิดหวัง อีกทั้งมีให้เลือกมากถึง 200 ชนิด ราคาเริ่มตั้งแต่ 100 – 500 เยน ปัญหาเรื่องเมนูก็จะหมดไปเพราะเค้ามีเมนูภาษาอังกฤษให้ดูกันเพียงแค่เปิดเข้าไปดูในเว็บไซต์ของร้าน แถมยังมีเมนูพิเศษๆปลาท้องถิ่นในช่วงเทศกาลต่างๆมาให้ได้ลองของใหม่กันทั้งปี
สถานที่ตั้ง : 8F Seibu Ikebukuro, 1-28-1 Minami-ikebukuro, Toshima-ku, Tokyo
▌เนื้อวัว A5 ในราคาแค่ 300 เยน : Jiromaru
ร้านยากินิคุแบบยืนทาน ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Seibu Shinjuku เรียกได้เลยว่าเป็นสวรรค์ของคนรักเนื้อที่ใจไม่ถึงพอจะควักเงินลองชิมเนื้อระดับ A5 ที่ถือเป็นสุดยอดของเนื้อของญี่ปุ่น เพราะปกติแล้วราคาแพงเอามากๆ แต่ที่นี่เอาใจคนรักเนื้อที่งบน้อยให้ได้ลิ้มลองสุดยอดของเนื้อในราคาสบายกระเป๋า ด้วยเนื้อ A5 ราคาเพียง 300 เยนเท่านั้น ส่วนเนื้อคุณภาพดีอื่นๆจะเริ่มต้นที่ 150 เยน คุณภาพกับราคาดีงามมากๆ ไม่มาเสียใจแย่
สถานที่ตั้ง : 1-26-3 Kabukicho, Shinjuku-ku ,Tokyo
ซื้ออะไรดีที่โตเกียว
▌เค้กสตรอเบอรี่กินซ่า (Ginza Strawberry Cake)
เค้กสตรอเบอรี่กินซ่า (Ginza Strawberry Cake) ที่มีรูปทรงคล้ายๆลูกสตรอเบอรี่โตๆกลมป้อมสุดมุ้งมิ้งจากผู้ผลิต Tokyo Banana เรียกได้ว่าเป็นของขึ้นชื่อของเมืองกินซ่า เนื้อเค้กนุ่มสอดไส้ครีมคัสตาร์สดชั้นบนและครีมรสสตรอเบอรี่ชั้นล่าง มีทั้งความหวานละมุนของคัสตาร์สตัดด้วยรสชาติอมเปรี้ยวนิดๆของสตรอเบอรี่
▌เยลลี่ Gummytzel
เยลลี่รูปทรงเหมือนเพรทเซล จากแบรนด์เยลลี่ยอดนิยมอย่าง Kanro ด้านนอกเคลือบด้วยน้ำตาล เหนียวๆหนึบๆ มีทั้งหมด 6 รสชาติด้วยกัน แพ็คเก็จด้านนอกก็น่ารักน่าซื้อสุดๆ
▌สินค้าที่ระลึกจากวัด Asakusa
วัด Asakusa นั้นได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับเหล่านักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้มีการผลิตของที่ระลึกมากมายจำหน่ายเกี่ยวกับวัดนี้ มีให้เลือกหลายอย่างตั้งแต่พวงกุญแจ โคมไฟ กระเป๋าตังค์ และอื่นๆอีกมากมาย
▌PREMIUM MORNING TEA MILK
น้ำมหัศจรรย์ที่ดูจากภายนอกแล้ว น่าจะเป็นน้ำแร่หรือพวกโซดาแน่ๆ แต่พอเปิดชิมเท่านั้นแหล่ะ ทำไมน้ำใสๆนี่มันกลายเป็นชานมไปได้ หลังจากมีคนเอามารีวิวก็ฮิตระเบิดทันที เพราะนอกจากความแปลกแล้วรสชาติก็เข้าท่า ไม่ได้แย่เหมือนชานมขวดๆในเมืองไทย เอ้าใครไม่เชื่อต้องไปท้าพิสูจน์กันเอาเอง หาซื้อได้ง่ายราคาไม่แพง ตามร้านสะดวกซื้อหรือซุปเปอร์มา์เก็ตทั่วไปได้เลย
▌ชีสเค้ก Shiseido Parlor
ชีสเค้กของ Shiseido Parlor นับเป็นสินค้าขายดีที่สุดของร้าน จากการที่มีความเป็นครีมชีสเน้นๆ หวานไม่มากและรูปทรงสี่เหลี่ยมเล็กๆก็ดูกระจุ๋มกระจิ๋ม ช่วงฤดูกาลต่างๆก็อาจมีรสชาติใหม่ๆมาให้ลิ้มลองอีกต่างหาก แถมยังหาซื้อได้ง่ายที่สถานีรถไฟ Tokyo Station ก็มีจำหน่าย
พักที่ไหนดีในโตเกียว
หนึ่งในคำถามยอดฮิตของคนจะมาเที่ยวโตเกียวคือ พักที่ไหนในโตเกียวดี ย่านไหนเป็นยังไง หรือโรงแรมไหนดี อันที่จริงแล้วการเลือกที่พักก็จะแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล บางคนชอบที่อยู่ติดรถไฟฟ้าเพราะเดินทางสะดวกและไม่ต้องลากกระเป๋าไปไกลๆ บางคนชอบอยู่ย่านช้อปปิ้งเพราะหลังจากกลับมาจากเที่ยวจะได้ช้อปได้ทุกวัน หรือบางคนอาจจะอยากไปเที่ยวอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ ก็สามารถเลือกที่พักตามที่ต้องการได้ เพราะโตเกียวนี้มีที่พักให้เลือกตั้งแต่โรงแรมแคปซูลหลักร้อยยันโรงแรมหรูสุดๆหลักหลายหมื่นเลยทีเดียว ลองมาดูย่านต่างๆที่คนไทยฮิตไปพักกันเลย
- ย่านชินจูกุ
เป็นย่านที่นักท่องเที่ยวนิยมพักกันมากรวมทั้งคนไทยด้วย เพราะความสะดวกในการเดินทาง มีรถไฟใต้ดินหลายสายเชื่อมต่อกัน, ใกล้กับแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองด้วย และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจใกล้ๆกันด้วย 7 โรงแรม ที่พัก แนะนำที่ย่านชินจูกุ - ย่านอุเอโนะ
เป็นอีกหนึ่งย่านที่คนนิยมมาพักกัน เพราะเดินทางสะดวกมาก โดยเฉพาะจากสนามบินนาริตะ(Narita)ที่สามารถมาลงที่นี่ได้เลย แถมยังต่อชินคันเซนไปเที่ยวเมืองอื่นๆของญี่ปุ่นได้ด้วย รวมทั้งอยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งอย่าง ตลาดอะเมโยโกะ และตึกม่วงทาเคย่า แหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตของไทย 7 โรงแรม ที่พัก แนะนำย่านอูเอโนะ - ย่านอาซากุซะ
เป็นย่านที่ยังคงกลิ่นอายของความโบราณของเมืองโตเกียวเอาไว้อยู่ ยังไม่ค่อยมีตึกสูงมากเท่าไหร่ จึงเป็นจุดรวมของที่พักราคาถูกเอาไว้มากมาย อย่างเช่นที่พักแบบ dorm, guesthouse ที่นอนรวมกันหลายๆคนแล้วแชร์ห้องน้ำกัน 7 โรงแรมแนะนำของย่าน อาซากุสะ - ย่านชิบูย่า
เป็นย่านแห่งแฟชั่นและแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นชาวญี่ปุ่น ที่นี่จึงเป็นจุดศูนย์รวมร้านค้าที่เกียวกับแฟชั่นของโตเกียวและญี่ปุ่น รวมไปถึงผับบาร์แบบวัยรุ่นด้วย และชิบูย่ายังเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟสายสำคัญหลายสาย จึงเป็นอีกย่านที่เหมาะกับคนที่ต้องการเที่ยวไปรอบๆโตเกียวด้วย 7 ที่พักแนะนำใกล้ย่านชิบูย่า - อิเคบุคุโระอาจจะเป็นย่านที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักกันมากนักเพราะเป็นย่านเกิดใหม่ของโตเกียวเนื่องจากอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโตเกียวทำให้ย่านนี้ก็มีความสะดวกสบายในการเดินทางมากเหมือนกัน และอิเคบุคุโระยังมีโรงแรมราคาประหยัดกระจุกตัวอยู่มากกว่าย่านอื่นๆด้วย 7 โรงแรมแนะนำในย่านอิเคบุคุโระ
แผนที่ต่างๆสำหรับเที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง
แผนที่ต่างๆจะช่วยให้การวางแผนเที่ยวโตเกียวด้วยตัวเองนั้นง่ายขึ้นอีกเยอะทีเดียว เลือกโหลดกันได้เลยทั้ง สถานที่น่าสนใจ เส้นทางรถไฟ รถไฟใต้ดิน และอื่นๆที่เกี่ยวกับ โตเกียว
แพลนเที่ยวโตเกียวแนะนำ
▌วันแรก
ประเดิมวันแรกด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องมาเช็กอินกันเมื่อมาเยือนยังโตเกียวอย่างวัดอาซากุสะ หรืออีกชื่อที่รู้จัดกันในนามวันเซนโซจิ จุดที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องถ่ายรูปนั่นก็คือโคมแดงไซส์ยักษ์ตรงทางเข้าวัดที่เห็นปุ๊บรู้ปั๊บว่าเป็นวัดดังแห่งนี้แน่นอน นอกจากจะมาไหว้พระขอพระให้เป็นสิริมงคลกับชีวิตแล้ว ยังสามารถเดินทางของทานขนมพร้อมช็อปปิ้งเบาๆที่บริเวณถนนนากามิเสะได้อีกด้วย การเดินทางก็ง่ายมาก จากสถานีรถไฟอาซากุสะเดินเท้าต่ออีกไม่เกิน 5 นาที
ช่วงบ่ายๆมายังโตเกียวสกายทรีทาวน์ที่มีสุมิดะอควาเรียม ตั้งอยู่บนชั้นชั้น 5 และ 6 อลังการได้ด้วยการจัดแสดงโลกสัตว์น้ำที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด อีกทั้งยังมีเพนกวินและแมวน้ำสุดน่ารักที่อยู่ในส่วนโซนอินดอร์ โอเพ่นพูลที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นให้ได้เห็นกันแบบใกล้ชิด ไม่เพียงเท่านั้นยังมีโปเกมอนเซ็นเตอร์ สกายทรีทาวน์ ตรงโตเกียวโซระมาจิ ที่เอาใจเหล่าสาวกโปเกมอนด้วยสินค้าออริจินัลและลิมิเตตอีกมากมายที่หาซื้อได้ที่นี่เท่านั้น ยังไม่หมดหลังเดินชมนั่นนี่จนเพลินยังสามารถขึ้นไปชมวิวที่จะสวยที่สุดช่วงกลางคืน สามารถเห็นทั้งวิวทิวทัศน์ทั้งเมืองโตเกียว เผลอๆในช่วงกลางวันท้องฟ้าเปิดอาจได้เห็นภูเขาไฟฟูจิอันเลื่องชื่อได้จากจุดนี้อีกต่างหาก การเดินทางมาก็ง่ายๆแค่ลงที่สถานีรถไฟโตเกียวสกายทรีเดิน 5 นาทีถึง เรียกว่า มาที่เดียวครบจบอยู่ได้จนดึกเลย
▌วันที่ 2
ถ้าใครอยากจะชิมอาหารทะเลแบบสดๆหิ้วท้องมาที่ ตลาดปลาสึกิจิ ที่ขึ้นชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและยังติดอันดับหนึ่งของโลก ยิ่งมาเช้าๆก็จะได้เห็นบรรยากาศการค้าขายที่เต็มไปด้วยสีสัน ส่วนด้านนอกที่มีร้านอาหารทะเลแบบสดๆทั้งปลา ปู หอย ปลาหมึก และอื่นๆอีกเพียบ มีมาให้เลือกชิมกันหลากหลายร้าน แถมยังราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับที่ขายทั่วๆไป โดยส่วนนี้เริ่มเปิดตั้งแต่ตี 5 จนถึงช่วงบ่ายๆก็เริ่มปิดกันแล้ว ตลาดบริเวณนี้จะปิดทำการในวันที่ 8 ตุลาคม 2018 แล้วย้ายไปยังบริเวณ Toyosu ในวันที่ วันที่ 11 ตุลาคม 2018 ฉะนั้นใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศแบบดั้งเดิมที่ตลาดแห่งนี้ต้องรีบๆกันนิดนึงก่อนจะย้ายไปที่ใหม่ การเดินทางรถไฟใต้ดินจะสะดวกสุดลงที่สถานีซึกิจิเดินประมาณ 5 นาที
เปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวแนวประวัติศาสตร์บ้างที่พระราชวังอิมพีเรียลหรือที่หลายๆคนรู้จักกันในชื่อ ปราสาทเอโดะ ซึ่งที่มีมีประวัติศาสตร์นานนับพันปีจากเป็นที่พำนักอาศัยของโชกุนและบุคคลสำคัญ โดยภาพในนอกจากตัวพระราชวังที่มีสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมที่ดึงดูดสายตาแล้ว บริเวณรอบๆยังมีสวนอันร่มรื่นให้เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจกันได้อีกด้วย การเดินทางเดินจากสถานีโตเกียวประมาณ 15 นาที จากจุดนี้สามารถเดินไปย่านมารุโนะอุจิได้ภายในเวลา 15 นาที โดยนอกจากจะเป็นย่านการค้าทีมีร้านค้า คาเฟ่ที่น่าเดิน ยังสามารถขึ้นรถโตเกียวสกายบัสเที่ยวชมบริเวณรอบๆที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
▌วันที่ 3
▌วันสุดท้าย
ปิดท้ายกันด้วยชมวิวโตเกียวยามเช้าที่แลนด์มาร์กอันดับหนึ่งอย่างโตเกียวทาวเวอร์ โดยสามารถขึ้นไปดูวิวทิวทัศน์ของเมืองมุมสูงได้สวยมากที่สุดของโตเกียวเลยก็ว่าได้ การเดินทางสามารถเดินเท้าจากสถานีรถไฟอากิฮาบาระได้ในเวลา 10 นาที แล้วถ้ายังพอเวลาเหลืออยากช็อปปิ้งของนิดหน่อยก็แนะนำให้ได้ยังย่านชิบุย่า เพราะมีร้านขายของฝากเพียบ มีให้เลือกกันเยอะแยะในย่านนี้ ที่สำคัญอย่าพลาดมาเยือนยังห้าแยกชิบุย่าอันแสนโด่งดัง การเดินทางเพียงออกมาจากสถานีรถไฟชิบูย่าเดินออกมานิดเดียวก็ถึง พร้อมแวะแชะภาพกับรูปปั้นของเจ้าสุนัขฮาจิโกะด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น