https://wentimpression.blogspot.com/google.com,%20pub-3791389710662192,%20DIRECT,%20f08c47fec0942fa0 พฤษภาคม 2019

หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

7 ที่พัก"สุดน่ารัก" ใกล้แหล่งท่องเที่ยวในกรุงโซล

7 ที่พัก สุดฮิปใกล้แหล่งท่องเที่ยวสุดฮ็อต!

วันนี้มาดูข้อมูลเกี่ยวกับที่พักกัน ! 
เมื่อไปเที่ยวโซลด้วยตัวเอง (ครั้งแรก)
ต้องคำนึงถึงที่พัก ใกล้ที่เที่ยวในแพลนทริป

ที่สามารถเดินทางไปไหนได้ สะดวกสบาย !!
เราจะได้เที่ยวกันได้อย่างสบายใจ เดินเล่นชิลๆ
ช่วยลดความกังวลใจ ตั้งแต่เริ่มทริปท่องเที่ยว..

1. Nana Land Hostel = ใกล้กับล็อตเต้เวิลด์
2. Time Travelers Relax = ใกล้มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา
3. NagNe House Boutique Hanok = ใกล้พระราชวังคย็องบก

4. A314 Hote = ใกล้โอลิมปิคพาร์ค
5. K-Guesthouse = ที่พักใกล้ตลาดทงแดมุน
6. Gloryinn = ที่พักใกล้เมียงดง
7. Mama Guesthouse = ใกล้นัมซาน ทาวเวอร์

ห้องพักน่ารักจริงๆ จึงนำข้อมูลมาแชร์ [บอกต่อกัน]
เก็บไว้พิจารณาเป็นทางเลือกทำ "ทริปเที่ยวตะลอนโซล"

ให้เป็นไปได้อย่างใจเราต้องการ ตามงบฯการเงิน ที่มีอยู่
เที่ยวอย่างคุ้มค่าคุ้มเวลา เที่ยวสนุก & มีความสุข จริงๆ !



ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังยืน, ข้อความ และสถานที่กลางแจ้ง

ขอบคุณแหล่งข้อมูลนี้ : ) https://www.facebook.com/airasiabigthailand

เราคัดสรรห้องพักสุดน่ารักใกล้แหล่งท่องเที่ยวทั่วกรุงโซลมาให้คุณแล้ว ตั้งแต่ย่านเมียงดง ทงแดมุน อีฮวา และอีกมาก ให้คุณได้เที่ยวและพักผ่อนอย่างสบายใจ Tag เพื่อนคนรู้ใจ ไปตามหาอปป้าด้วยกันเลย!

P.S. ห้องพักที่เลือกมาอาจจะมีการจองเต็มในบางช่วงเวลา เราแนะนำให้รีบจองล่วงหน้าตั้งแต่ตอนนี้เพื่อจะไม่พลาดที่พักดีๆ คลิกดูแล้วกดจองได้เลยที่airasia.com!


Nana Land Hostel
จองเลย: http://bit.ly/2Yx7UDG


ในภาพอาจจะมี สถานที่ในร่ม


Time Travelers Relax
จองเลย: http://bit.ly/2HBXN9E

ในภาพอาจจะมี สถานที่ในร่ม



NagNe House Boutique Hanok
จองเลย: http://bit.ly/2JqUUMm


ในภาพอาจจะมี สถานที่ในร่ม



A314 Hotel
จองเลย: http://bit.ly/2HFmYZ0

ในภาพอาจจะมี สถานที่ในร่ม



K-Guesthouse
จองเลย: http://bit.ly/2VsE9Sx



ในภาพอาจจะมี ห้องนอน และสถานที่ในร่ม



Gloryinn
จองเลย: http://bit.ly/30vm3D0

ในภาพอาจจะมี ห้องนอน และสถานที่ในร่ม


Mama Guesthouse
จองเลย: http://bit.ly/2VMaqsW

ในภาพอาจจะมี ห้องนอน และสถานที่ในร่ม




วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

7 คำถามฮิต ! ตม.(ภาษาอังกฤษ) + Tips คำตอบ = ให้ผ่าน ตม.เกาหลี


เที่ยวโซล แวะถ่ายรูปที่มหาวิทยาลัยอีฮวา (Ewha Womans University)

Q. 1 " What's the purpose of your visit? "
= จุดประสงค์ของการมาเยือนของคุณคืออะไร ? 

A. I come to travel / study / visit relatives
= ฉันมาท่องเที่ยว / มาเรียน / มาเยี่ยมญาติ


Q. 2 " How long will you be staying? "
= จะมาอยู่กี่วัน ? (ให้ตอบตามจริง)

A. 2 = six  days and five night เช่น 6 วัน 5 คืน / 
หรือ
= มาถึงวันนี้ และจะกลับวันที่ 7
Arrive today and will return on the 7th

Tips : ) *** พร้อมยื่นตั๋วเครื่องบินขากลับให้ดู


Q. 3 " Where will you be staying? "
= คุณพักที่ไหน?
A. 3 = I will stay at the hotel .... Location ...
= ฉันจะพักที่โรงแรม....สถานที่ตั้ง....
Tips : ) *** ยื่นเอกสารการจองโรงแรมให้ดู


Q.4  "Where will you be visiting?"
= จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ?

A. 4 =  I will go to walk in Ewha Womans University 
which has beautiful architecture.
= ฉันจะไปเดินเที่ยวใน มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
Tips : ) *** ตอบตามแพลนที่กำหนดไว้จริง สัก 2 แห่ง


Q. 5 " What do you do ? "
= คุณมีอาชีพอะไร ?

A. 5 = I am a retired government official.
= ฉันเป็นข้าราชการบำนาญ



Q. 6 " What are you studying? "
ในกรณีที่เป็นนักเรียน = คุณมาเรียนอะไร? 

A. 6  =  I will study for a master's degree. 
ฉันจะมาเรียนปริญญาโท


Q. 7 " How much money are you bringing? "
= คุณนำเงินมาด้วยเท่าไร ?

A. 7 = I bring the money to 300 USD 
and have money on the credit card as well.
= ฉันนำเงินมาด้วย 300 ดอลล่า และมีเงินในบัตรเครดิตด้วย

Tips : ) ตอบตามจริง , ต้องเช็คดูข้อกฎหมายนำเงินสดเข้าประเทศได้ไม่เกินเท่าไหร่!?


+++ ขอบคุณข้อมูลดีๆ เพิ่มเติม จากเวป. mushroom travel


จากข่าวเกี่ยวกับตม.เกาหลีที่พูดกันอย่างหนาหูมากๆ ว่าโหดบ้าง ผ่านยากบ้าง ร้ายที่สุดก็คือโดนกักตัว สอบสวนละเอียดยิบ บางคนก็ถูกส่งกลับประเทศทันที อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำผิดอะไร ทำให้หลายคนกล้าๆ กลัวๆ ที่จะไปเที่ยว ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า ทำไมตม.บ้านเค้าต้องโหดขนาดนี้?สาเหตุนั่นก็เพราะการที่มีคนลักลอบเข้าประเทศแบบผิดกฎหมายกันเยอะ จึงทำให้คนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ อย่างพวกเราๆ โดนสงสัย และถูกเข้มงวดกันมากขึ้นนั่นเอง ส่วนเรื่องของระบบระเบียบการสอบสวนหรือคัดเลือกให้ผ่านว่าใครที่จะผ่าน ตม เกาหลี 2019 นั้นคงต้องรอคำตอบจากทางผู้ที่เกี่ยวข้องเนอะ เอาเป็นว่าไม่ว่าจะเอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานก็ลองมาดูคำแนะนำจาก มัชรูมทราเวล ไปเตรียมตัวกันก่อนก็แล้วกันค่ะ

แต่งตัวดี มีชัยไปกว่าครึ่งแว๊บแรกที่เจ้าหน้าที่จะมองเห็นและสังเกต ก็คือ การแต่งตัวของเรานั่นเอง เป็นคะแนนลำดับแรกที่จะตัดสินว่าเราจะผ่านหรือไม่ผ่านเลยล่ะค่ะ สำหรับการแต่งตัว ขอให้ยึดคอนเซปต์ สุภาพเรียบง่าย และแต่งตัวให้ดูเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ ผู้หญิงควรใส่ชุดที่ดูเรียบร้อย ไม่โชว์เนื้อโชว์หนัง และไม่แต่งหน้าจัดจนเกินไป ส่วนคุณผู้ชายก็แต่งตัวตามปกติ เสื้อยืด กางเกงขายาว อาจมีเสื้อคลุมซักหนึ่งตัว สำหรับไอเท็มเสริมที่ควรมีคือ “กล้อง” สะพายคล้องคอไปได้เลย และ การใส่รองเท้าผ้าใบ ก็จะทำให้ดูทะมัดทะแมงเตรียมตัวเที่ยวเต็มที่

เอกสารครบ จบ(เกือบ)ทุกคำถามการเตรียมเอกสารในการเดินทางแต่ละทริปนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแค่การเดินทางเข้าประเทศเกาหลีเท่านั้น แต่สำคัญสำหรับการเดินทางไปทุกประเทศเลยล่ะค่ะ ยิ่งเป็นการผ่านด่าน ตม เกาหลี 2019 ด้วยแล้วล่ะก็…ยิ่งต้องเตรียมให้พร้อม สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนออกเดินทางแต่ละทริปนั้นก็คือ การเช็คพาสปอร์ตว่าใกล้หมดอายุหรือยัง? จะเข้าประเทศนี้ต้องใช้อะไรบ้าง? ส่วนคนที่ไปเที่ยวกับกับบริษัททัวร์ก็จะสบายหน่อย เพราะจะมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือแนะนำ และช่วยดำเนินการด้านเอกสารให้ สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมไป มีดังนี้

• พาสปอร์ต : เปรียบเสมือนบัตรประชาชนระหว่างที่เราอยู่ในต่างประเทศ สำหรับใครที่มีพาสปอร์ตเล่มเก่าที่เคยใช้เข้าเกาหลีมาก่อนก็พกไปด้วยนะคะ จะได้โชว์เจ้าหน้าที่ว่าฉันเคยมาเที่ยวแล้ว ให้ฉันผ่านไปง่ายๆ เถอะ!!
• บัตรเข้าออกนอกเมือง : หรือใบตม. เป็นใบสำคัญที่ระบุข้อมูลเกี่ยวกับเรา ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-นามสกุล ไฟล์ทบิน ข้อมูลที่พักในทริปนี้ จำนวนวันที่มา รวมถึงจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ ซึ่งเราจะต้องกรอกให้เรียบร้อย สามารถรับใบตม.ได้จากแอร์โฮสเตสตอนอยู่บนเครื่องบิน หรือที่สนามบินปลายทางเมื่อเดินทางถึง หรือถ้าใครเดินทางกับทัวร์ก็จะมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทจัดการกรอกให้เรียบร้อยเลยค่ะ เราแค่เซ็นชื่อเท่านั้นเอง
• ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : สิ่งนี้แหละที่จะเป็นเครื่องการันตีได้ว่าเรามาท่องเที่ยว เพราะมันจะระบุข้อมูลวันเดินทางมา และวันเดินทางกลับอย่างชัดเจน เป็นการบอกว่าฉันมาเที่ยวแป๊บเดียว เดี๋ยวกลับบ้านแน่นอนจ้า
• หลักฐานการจองโรงแรม : เพื่อการันตีว่าเราพักอยู่ที่นี่ (มีปัญหาอะไรก็เจอได้)
• หลักฐานการทำงาน(ควรเป็นภาษาอังกฤษ) : กรณีเป็นข้าราชการ หรือ พนักงานเอกชน สามารถแสดงบัตรประจำตัวพนักงานได้
• สำเนาบัญชีออมทรัพย์ : พร้อมโชว์ยอดเงินคงเหลือ
• เอกสารประจำตัว : บัตรประจำตัวประชาชน, ใบขับขี่รถยนต์, สำเนาทะเบียนสมรส
• เอกสารเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล (ถ้ามี)
นอกนั้นก็เป็นเอกสารอื่นๆ เพื่อความปลอดภัย และความมั่นใจไร้กังวลอย่างสูงสุด จะเตรียมไปก็ไม่เสียหายค่ะ เช่น แผนที่ โบรชัวร์ แผนการท่องเที่ยวต่างๆ ถ้าเค้าถามมารับรองว่าตอบได้แน่นอน

นิ่งสงบ สยบความตื่นเต้น ดั่งสุภาษิตที่ว่า จะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง จะผ่านตม.เกาหลีก็ยิ่งต้องนิ่งค่ะ นิ่งในที่นี้คือการทำตัวสุขุม ไม่ลน ไม่แสดงความกังวล ถึงแม้ว่าจะมีอาการตื่นเต้น แต่ต้องพยายามควบคุมมันให้อยู่ค่ะ สบตากับเจ้าหน้าที่เวลาพูดคุยหรือตอบคำถาม แต่ไม่ต้องทำหน้านิ่งเกินไปนะคะ ยิ้มแย้มแจ่มใสได้ ซึ่งจะทำให้คุณดูมีความน่าเชื่อถือ น่าไว้วางใจ และมีบุคลิกที่ดี ช่วยเพิ่มคะแนนในการผ่านเข้าประเทศได้มากขึ้น และง่ายขึ้นค่ะ

เก็งคำถาม พร้อมหาคำตอบ สำหรับการเตรียมตัวผ่านด่าน ตม. นั้น เจ้าหน้าที่ก็อาจจะมีการถามคำถามเราบ้าง เพื่อความมั่นใจว่าเรามาเที่ยวจริงๆ ใครอยากผ่าน ตม เกาหลี 2019 ไปได้ง่ายๆ ก็ต้องเตรียมตัวกันไว้ก่อน เวลาตอบก็ตอบด้วยความมั่นใจไม่ลังเล โดยคำถามส่วนใหญ่ก็เป็นคำถามทั่วไปเกี่ยวกับทริปการเดินทางของเรา อย่างเช่น

• มากับใคร? 
• มาอยู่กี่วัน? 
• ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง? 
• ทำงานอะไร? 
• แลกเงินมาเท่าไหร่?
ความจริงก็ไม่ได้เป็นคำถามยากอะไรเลย คนเตรียมตัวไปเที่ยวจริงๆ ต้องตอบได้อยู่แล้วค่ะ และที่สำคัญ อย่าพยายามพูดภาษาเกาหลีกับเจ้าหน้าที่ ถ้าคุณไม่สามารถพูดได้จริงๆ

ฝึกภาษาอังกฤษซักนิด เพื่อพิชิตคำถาม

ภาษาอังกฤษ คือ ภาษาสากลที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันทั่วโลก และแน่นอนเมื่อคุณจะไป ทัวร์เกาหลี หรือที่ไหนๆ ก็ตามที่ต่างบ้านต่างเมือง คุณจำเป็นต้องงัดสกิลภาษาอังกฤษที่สั่งสมไว้ออกมาใช้ เพื่อฟังและตอบคำถามเจ้าหน้าที่ตม. ถ้าถูกถามเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงเกาหลีแล้วไม่เข้าใจก็ขอ Again please แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคำถามพื้นๆ อย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้น และประโยคที่ไม่ควรตอบที่สุดเลยก็คือ I don’t know หากฟังไม่ออกจริงๆ ก็ให้พูดไปว่า Sightseeing หรือ Tourist ไปเลยค่ะ

ขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง ตม เกาหลี 2019

หลังจากที่ได้เตรียมตัวก่อนออกเดินทางมาแล้วว่าจะทำการรับมือกับตม.เกาหลีอย่างไรบ้าง เรามาดูขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองกันบ้างดีกว่า สำหรับมือใหม่หัดเที่ยว จะได้เรียนรู้ไปก่อน ไม่ตื่นเต้น และไม่ทำผิดทำถูกเนอะ เพิ่มความมั่นใจให้เต็มร้อย จะได้คลายกังวลเรื่องตม.เกาหลีกันค่ะ



Cr. commons.wikimedia.org

เมื่อลงจากเครื่องแล้ว ก็เดินตามป้าย Arrivals ไปเรื่อยๆ จนเจอบันไดเลื่อนที่จะพาลงไปยังรถไฟใต้ดินเพื่อนั่งไปอีกอาคาร และไปยังด่านตม.นั่นเอง (ใครมือใหม่ ก็เดินตามๆ คนอื่นไปก็ได้ค่ะ)
เมื่อเดินมาถึง ด่านตรวจคนเข้าเมือง ให้เดินไปต่อแถวที่ช่อง Foreigner Passenger จากนั้นก็ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้เลย
1.ยื่น Arrival Card (ใบผ่านเข้าเมืองที่ได้รับจากแอร์ฯ บนเครื่องบิน) และพาสปอร์ต ให้กับเจ้าหน้าที่ (ควรยิ้มและสบตา อย่าหลบสายตา อย่าหลุกหลิก ท่องไว้ว่านิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว อย่างที่ได้ซ้อมเตรียมตัวก่อนมา)
2.เมื่อเจ้าหน้าที่เช็คพาสปอร์ตและเอกสารเรียบร้อยแล้ว อาจจะมีคำถามเล็กๆ น้อยๆ หรือบางคนก็ไม่โดนถามอะไรเลย เป็นคำถามทั่วๆ ไปอย่างที่เราได้ยกตัวอย่างไป เราก็ตอบคำถามด้วยความมั่นใจได้เลยค่ะ
3.จากนั้นเจ้าหน้าที่จะบอกให้เราวางนิ้วมือลงบนเครื่องเพื่อสแกนลายนิ้วมือ (สำหรับเครื่องนี้มีหน้าจอเป็นภาษาไทยอยู่ ไม่ต้องห่วง) เราก็วางนิ้วชี้ทั้งสองข้างลงบนเครื่องได้เลย จากนั้นก็ให้เรามองกล้องเพื่อทำการถ่ายภาพใบหน้า โดยจะต้องไม่สวมแว่น ไม่สวมหมวก ยิ้มมุมปากได้นิดหน่อยห้ามเห็นฟัน และไม่คุยโทรศัพท์มือถือ
4.เมื่อเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะปริ๊นใบวีซ่าเล็กๆ คล้ายๆ กับใบเสร็จรับเงินมาให้เรา ในใบจะบอกรายละเอียดต่างๆ รวมถึงวันที่อนุญาตให้เราอยู่เกาหลีได้ถึงวันที่เท่าไหร่ เราต้องเก็บใบนี้ไว้ให้ดีตลอดการเดินทาง เพราะใบนี้แหละค่ะคือตัวยืนยันให้เราผ่านเข้าประเทศไปได้ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จพิธีด่านตรวจคนเข้าเมืองค่าาาา
และนี่ก็เป็นคำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนเผชิญหน้ากับ ตม เกาหลี และขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง ที่มัชรูมทราเวลนำมาเล่าสู่กันฟัง หวังว่าจะช่วยให้คุณ ผ่าน ตม.เกาหลีได้ง่ายขึ้นนะคะ บอกเลยว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด แล้วไปสนุกกับการ ทัวร์เกาหลี กันนะคะ 🙂
ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก visitkorea.or.kr

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ep. 6 เก็บ! ข้อมูลเที่ยวโซลแบบลุยเดี่ยว !

  2 แม่ลูกวางแผนเที่ยวเกาหลี(โซล)ด้วยตัวเอง ครั้งแรก!  

 ep. 6 เก็บ! ข้อมูลเที่ยวโซลแบบลุยเดี่ยว ! 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

การไปเที่ยวเกาหลี (โซล) ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนั้น จำเป็นจะต้องศึกษา
หาข้อมูลเวปไซต์ ,จากการรีวิว เกี่ยวกับแพลนทริปของเราให้มีข้อมูล
ครบถ้วนและต้องเตรียมตัววางแผนการท่องเที่ยวเกาหลีเป็นอย่างดี
 เนื่องจากการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศเกาหลีนั้นเข้มงวด !

 เมื่อมีแผนท่องเที่ยวแล้ว ก็ต้องทำเป็นเอกสารไว้ติดตัวไป
เวลาเดินทาง ต้องมีข้อมูลการงาน การเงินไว้ให้พร้อมตรวจสอบ
แสดงตนเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ  โดยเฉพาะในช่วงเวลาฤดูเก็บเกี่ยว
ตม. เข้มงวดมากยิ่งขึ้นอีก! ในเดือนพฤษภาคม - กันยายน ของทุกปี



ทั้งนี้ ! เพื่อจะได้ท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีได้มีความสุข สมดั่งตั้งใจไว้ ..
 ถ้าเราอยากไปประเทศเขาแต่เราไม่ได้ศึกษาเรียนรู้อะไรไว้เลย เมื่อเอกสาร
 ข้อมูลส่วนตัวเรามีข้อสงสัย มีปัญหา เราไม่มีเอกสารชี้แจง 
และตอบคำถามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง..ไม่ได้ 

ดังนั้น ! ถ้าเราไม่ชัดเจนเพียงพอ เขาก็จะต้องปฏิเสธการเข้าเมือง
ของเราเป็นเรื่องปกติ ผลเสียก็จะเกิดกับเรา ทำให้เสียเงินที่เดินทางไป , 
เสียอารมณ์ เสียเวลาไปมากมาย เกินกว่า...การที่เราเพียงใส่ใจเตรียมตัว
ให้ดีล่วงหน้าเนิ่นๆ เป็นไหนๆ ทุกอย่างอยู่ที่ความตั้งใจดีของเราแค่นั้นเอง !





ขอบคุณกระทู้นี้ !
แนะนำแหล่งข้อมูลดีๆ ที่นำมาแชร์แบ่งปันกันค่ะ

[CR] :: Feelin’ SEOUL Energetic :: ลุยโซลคนเดียว กินเที่ยวติ่งช้อปท้าลมหนาวอินเกาหลีใต้ (กุมภาพันธ์ 2018)

กระทู้รีวิว
ต้อนรับเข้าสู่กระทู้เที่ยวกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ฉบับผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้ไม่ง้อทัวร์ไม่ง้อใคร โดยกระทู้นี้จะรวมตั้งแต่การเตรียมตัว การเดินทาง การกิน การเที่ยว การติ่ง และการช้อป นั่นเอง ชื่อกระทู้ Feelin’ SEOUL Energetic แปลงมาจากเนื้อร้องเพลง Energetic ของ Wanna One บอยแบนด์ที่ทำให้ไฟติ่งโหมกระหน่ำจนต้องมาเยือนอีกในรอบ 1 ปี


ขอเกริ่นก่อนว่าไม่ได้ตั้งใจมาโซลจริงๆเพราะเพิ่งมาเมื่อกพ.2017 นี้เอง แต่ความติ่งอันลุกโชนที่มีต่อ WannaOne (ที่จะแยกย้ายในปลายปี 2017 นี้) และเหล่าผลผลิตจากรายการ Produce101 SS2 จึงอยากมาเก็บความทรงจำต่างๆที่มีเพียงปีนี้ปีเดียวเท่านั้น แถมแค่ระยะหนึ่งปีมีที่เที่ยวโดนๆเกิดใหม่เพียบไม่ว่าจะเป็น Seoullo 7017 หรือ Café 89 Mansion (ของพระเอกหนุ่มอีจงซอก) ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่เพิ่มเกิดใหม่

ครั้งนี้เป็นการเดินทางมาเกาหลีใต้ครั้งที่ 2 ของเราที่มาคนเดียว โดยผู้อ่านสามารถติดตามเนื้อหาการเที่ยวปีที่แล้วได้ในกระทู้นี้นะคะ
https://pantip.com/topic/36146379

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
เที่ยวบิน : XJ700: DMK-ICN 21 FEB 2018 2.20 -10.05 น.
                 XJ703: ICN-DMK 26 FEB 2018 00.10 – 04.30 น.

ตั๋วเครื่องบิน : เราใช้บริการ Thai Air Asia X สายการบินโลว์คอร์สที่ใช้เครื่องบินลำใหญ่ซึ่งเราซื้อตั๋วตอนมีโปรโมชั่น 4,520 ต่อเที่ยวช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2017 เราไม่ได้จองโปรข้ามปีแบบถูกหลุดโลกเพราะไม่ได้ตั้งใจเฝ้าช่วงโปร กว่าจะตัดสินใจได้ครบถ้วนก็ปาไปเดือนพฤศจิกายน ก็ยังโชคดีที่พอจะได้โปรกับเขาบ้าง ราคาเลยถูกสู้คนอื่นไม่ได้นะคะ
    ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับรวมแพ็คเกจสุดคุ้มรวมน้ำหนักเพิ่มขากลับกับที่นั่ง Quiet zone ไป-กลับเป็น 12,830 บาท แอบสูงสำหรับโลว์คอร์สแต่ถือว่าถูกสุดจากทุกสายการบินในช่วงที่เราจองตั๋วค่ะ

ที่พัก : เราพักที่ K-GuestHouse Myeongdong 2  เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้าใกล้ป้ายรถ Airport bus No.6015 (ป้ายสุดท้าย) อยู่ในมยองดงแต่ไม่อยู่ในที่คนพลุกพล่านเกินไปแต่ก็ไม่เปลี่ยว เราพักห้องเดี่ยว พื้นที่ในห้องแคบ แต่ไม่ได้แคบจนเกินพอดีสำหรับ 1 คน  สามารถกางกระเป๋าเดินทางขนาด26นิ้วได้ มีหน้าต่างที่ติดกระดาษไว้ส่วนหนึ่ง(ไม่ทราบเหมือนกันว่าติดไว้ทำไม) แต่ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดจากที่แคบเพราะมีแสงลอดเข้ามาได้ ราคาต่อคืนอยู่ที่ 1,250บาท 4คืน หลังรวมภาษีต่างๆของ Agoda ราคาอยู่ที่6036บาท เฉลี่ยคืนละ1509บาท อาจจะดูแพงแต่ถ้าไปคนเดียวแล้วอยากได้ห้องเดี่ยว ตั้งอยู่ในสถานที่เที่ยวยอดนิยม เดินทางไปมาสะดวก ห้องปลอดภัย ราคานี้สำหรับเราไม่ได้แพงเท่าไหร่ ไม่ค่อยรีวิวของคนไทยแต่เจอคนไทยพักเยอะ

เงินวอน : ประเทศเกาหลีใต้ใช้สกุลเงิน”วอน” ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 0.03 บาทต่อ 1 วอน แต่อัตราแลกเปลี่ยนนั้นก็จะขึ้นลงไปเรื่อยๆ แล้วแต่สถานที่แลกเงินด้วย เราแนะนำว่าอย่าแลกเงินกับธนาคารค่ะ เพราะเรทแพงมากเฉลี่ยอยู่ที่ 0.035 บาท/วอน แนะนำว่าแลกกับร้านแลกเงินเลยจะถูกกว่า
    เราแลกเงินที่ Super Rich สีเขียว สาขาราชดำริ ไม่ว่าไปเที่ยวประเทศไหนก็มาแลกที่นี่เสมอ ราคาเขาดีจริงๆ แนะนำก่อนออกไปแลกเงินศึกษาอัตราแลกเปลี่ยนวันนั้นก่อนไปแลกนะคะ คนละวันคนละอัตรา คนละสาขาก็คนละอัตราเช่นกันค่ะ

บัตร T-Money: สามารถเรียกว่าบัตรครอบจักรวาลก็ได้ ใช้จ่ายค่ารถบัสเข้า รถเมล์ รถไฟ แถมยังสามารถใช้จ่ายเงินตามร้านสะดวกซื้ออีกด้วย สบายจริงๆ ไม่ต้องแบกเหรียญให้หนักกระเป๋าสตางค์ บัตรนี้เป็นบัตรแบบเติมเงินซึ่งสามารถเติมได้ตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ(**นอกสถานีรถไฟเท่านั้น**) ราคาตัวบัตรขึ้นอยู่กับลายบัตรด้วย ราคามาตรฐานอยู่ที่ 2,500วอน ไปจนถึง 5,000วอน ถ้านั่งรถบัสเข้าเมืองแล้วใช้บัตร T-money จ่าย จะลด 1,000 วอนไปเลย

สภาพอากาศ : ช่วงที่เราไปเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่ได้สัมผัสอากาศหนาว 0 องศาที่พอมีแดดก็อุ่นไปถึง 8 องศา ตอนเช้ามีติดลบบ้าง

การแต่งกาย : ท่อนบน Heattech Extra Warm เสื้อขน เสื้อโค้ท ส่วนท่อนล่าง Heattech Extra Warm เลคกิ้งบุขนหนา ถ้าให้ดีพกชุดไปไม่เยอะแล้วไปหาซื้อที่เกาหลีจะได้ถูกกว่าหลากหลายกว่า อินเทรน์ด้วย

อินเตอร์เน็ต : มีให้เลือกทั้งแบบ Pocket wifi , เปิด Data Roaming รวมไปถึง Internet Sim ขึ้นอยู่กับความสะดวกส่วนบุคคล
    เราเลือกใช้ Sim2fly ของ AIS ราคา 399 บาท (8วัน 4GB) เพราะง่ายดี สะดวก ไม่ต้องพกเครื่องไวไฟให้หนักกระเป๋า ส่วนเรื่องราคาก็ถูกสุดๆ (เพราะเราไม่ได้หารแชร์กับใคร จ่ายคนเดียวเต็มๆ) โดยเราซื้อและให้ AIS Shop ใกล้บ้าน แอคทิเวทตั้งแต่ตอนซื้อได้เลย เพราะแบบใหม่จะเริ่มนับวันแรกตอนใช้เน็ตครั้งแรก พอไปถึงโซลใส่ซิมเปิดมือถือก็ใช้เน็ตได้ทันที เร็ว แรง แม้อยู่ในรถไฟใต้ดินก็ตาม ปริมาณเน็ตจุใจมากเพิ่มเป็น 4GB เปิดแมป เปิดทวิตเตอร์จุใจตลอดทริป

แอพพลิเคชั่นระหว่างท่องเที่ยวที่จำเป็น : Subway (แบคกราวน์สีเหลืองๆ) – ส่องดูแมปสถานีรถไฟ แค่คลิกเลือกว่าจะเริ่มต้นจบลงที่สถานีไหน แอปจะบอกสาย/สถานีที่ต้องเชื่อมต่อ เวลาเดินทาง ด้านที่ประตูจะเปิดครบสุดๆ

รูปภาพในกระทู้ : รูปภาพทั้งหมดในกระทู้ถ่ายจาก Samsung Galaxy A5 (2017) โดยไม่ผ่านฟิลเตอร์ใดๆค่ะ

    *** กระทู้นี้ตั้งใจทำมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ให้กับผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้และนักอ่านพันทิปทั้งหลาย และยังเป็นการขอบคุณกระทู้ท่องเที่ยวเกาหลีใต้อื่นๆที่เป็น Reference ในการเที่ยวของเรา แหล่งที่ขาดไม่ได้คือ #รีวิวเกาหลี ในทวิตเตอร์ที่เป็นแหล่งข้อมูลใหม่สำหรับเราอีกด้วย
    ค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาจากเงินของเราทั้งนั้น เลือกเอง จ่ายเอง ไม่ได้มีสปอนเซอร์มาสนับสนุนใดๆทั้งสิ้นที่รีวิวละเอียดเพราะอยากแบ่งปันให้ทุกๆท่าน
    ดังนั้น รีวิวทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นและประสบการณ์ในระหว่างการเตรียมตัวและการเดินทางของเรา โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพกระทู้นะคะ ***
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สนามบินดอนเมือง - ขาออก
           เริ่มต้นการเดินทางด้วยคนต่อแถวรอเข้าคิวเช็คอินเยอะมากยาวเป็นหางว่าว คนเยอะตั้งแต่เคาท์เตอร์ยังไม่เปิด คนส่วนใหญ่มากๆล้วนไม่ได้ทำ Online Check-In กันทั้งนั้น (ทั้งที่ทำได้ง่ายๆ) ตัวเราทำออนไลน์เช็คอินมาก็จริงแต่ดันไม่รู้ก็ต่อไปได้ซัก 20 นาที จะมีเจ้าหน้าที่สายการบินมาเดินเรียกผู้โดยสารคนไหนทำออนไลน์เช็คอินมาก่อนเข้าแถวพิเศษเลย เราเลยได้แทรกมวลมหาประชาชนจำนวนมากและทำ Baggage Drop เสร็จภายใน 5 นาที ความเอ๋อของคนไม่เคยขึ้น Thai AirAsiaX อย่างเราเลยเจอไปหนึ่งดอก เพราะงั้นแนะนำให้ทำ Online Check – In เช็คอินไปกันก่อนนะคะ ง่าย เร็ว ไม่เสียเวลาชีวิต ไม่ต้องมาก่อนเวลา เดินปลิวๆเหมือนเหล่าชาว Premium Flex แน่นอน

          และแล้วดวงอันน้อยนิดของเราก็เหมือนจะแผ่วเมื่อไฟล์ทดีเลยไป 50 นาทีจาก 2.40 เป็น 3.30 น. ง่วงก็ง่วงทำงานมาทั้งวัน ล้ามาก ยังต้องกลัวแผนเที่ยวจะรวนเพราะถึงที่หมายสายไปอีก  พอได้เวลาบอร์ดดิ้ง มวลมหาประชาชีก็บรรจุลงเครื่องกันแบบเต็มเครื่องแน่นมากปะปนไปด้วยเหล่าคณะทัวร์ไทย เหล่าคนเกาหลีใต้ และคณะ(ที่ดูน่าจะ)โดดร่วมจำนวนมาก


          เราเลือกนั่งแบบ Quiet Zone (เพิ่มเงินหน่อย เพื่อความสบาย) เพราะต้องการความสงบสไตล์หญิงไทยรักเด็กเฉพาะภาคพื้นดิน คือจะนอนเอาแรง ไม่ต้องการรับแสงสว่างใดๆมารบกวนการพักผ่อน ปรากฏว่าแม้แต่โซนนี้ที่นั่งก็เต็ม ดวงอันน้อยนิดของเราจะแผ่วอีกครั้งเมื่อคนนั้งข้างๆเป็นชายร่างใหญ่ที่มีกลิ่นบุหรี่ โอ้โห บุญน้อยมาก แต่เพราะความง่วงหนักหน่วงเลยรอดมาได้ อาหารบนเครื่องของเราเป็นข้าวไก่เทอริยากิ รสชาติก็สไตล์อาหารบนเครื่อง รสชาติจืดๆแต่พอทานได้ ขนาดที่นั่งสำหรับสตรีสูง 159 ซม.นั้นยืดขานั่งได้กำลังดี ยิ่งถ้าไม่มีของวางได้เท้าแล้วน่าจะยืดขาได้สบายๆ แต่เบาะแบบตั้งตรงนั้นเมื่อยซักหน่อย ปรับเอนได้เล็กน้อย(เกรงใจคนข้างหลัง)


          และแล้วชาว XJ 700 ก็ยังพอได้อานิสงค์ผลบุญจากกัปตันที่เหยียบมิดมาถึงอินชอนแบบทันกำหนดการ 10.05 น. นับว่ากรรมดีที่ทำมายังคงส่งผลให้เราบ้าง กัปตันลงจอดนิ่มพอสมควรนะคะหรือไม่รู้ว่าเราที่สลึมสลือเอง


สนามบินอินชอน - ขาเข้า
          เครื่องของ TAAX จะอยู่คนละอาคารกับตม.จึงต้องนั่งรถไฟ 1 สถานีไปยังอาหารหลักของ Terminal 1 แนะนำให้จ้ำอ้าวไม่คิดชีวิตนะคะ กรอกใบตม.และเข้าห้องน้ำก่อนเครื่องลง ท่องไว้ว่าเราต้องเป็นคนแรกๆที่ได้เข้าตม. ไฟล์ทTAAX ขึ้นชื่อเรื่องตม.เพิ่งเล็ง เราไปคนเดียวจ้ำอ้าวพุ่งๆได้สบาย แทรกทะลุทะลวงจนไปถึงเขตตม.คนแรกๆ แทบไม่รอคิว


          พอยื่นพาสปอร์ตให้ตม. ยืนนิ่งอยู่ 1 นาที ก็ขึ้นจอให้สแกนนิ้วมือ โอ้ ผ่านแล้วเหรอ เร็วมาก ไม่ได้เอื้อนเอ๋ยอะไรก็บตม.เม้แต่คำเดียว รอดเลย เราก็ไปเกาหลีใต้ครั้งนี้ครั้งที่ 3 ไม่เคยได้ยินเสียงตม.แม้แต่คนเดียว รอดอย่างรวดเร็วทุกรอบ ถ้ามาถึงช้าจะเสียเวลาต่อคิวและความรู้สึกเสียวสันหลังจะเพิ่มขึ้นเวลาเห็นคนเข้าห้องเย็นนะคะ

          หลังจากออกมาก็ลงบันไดเลื่อนไปรับกระเป๋าที่สายพานได้ทันที พอได้กระเป๋าแล้วก่อนออกอย่าลืมยื่นใบศุลกากรให้เจ้าหน้าที่เพื่อออกสู่ด้านนอก


          พอออกมาด้านนอกก็ต้องไปเติมบัตร T-money กันก่อน เรามีบัตรอยู่แล้วเลยเติมได้เลย ถ้าไม่มีก็ซื้อที่ร้านสะดวกซื้อที่สนามบินราคา 4,000 วอนไม่รวมค่าเงินในบัตรค่ะ ร้านสะดวกที่ใกล้โซนที่เราออกมาคือร้าน CU นั่นเอง เสียดายที่พนักงานพูดอังกฤษไม่ได้เลย พูดอังกฤษไปแต่ตอบเกาหลีกลับมา ทำงานสนามบินแท้ๆ


ได้เวลาเข้าเมืองกันต่อเลยค่ะ 

17 ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
การเข้าเมือง
          เราเองเลือกใช้ Limousine Bus No.6015 เพื่อความสบายนั่นเอง ใช้เงินทำงานเราจะได้ไม่เหนื่อยค่ะ แถมถ้าจ่ายด้วยบัตรทีมันนี่ ราคาจะลดจาก 15,000 วอน เป็น 14,000 วอน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 40 นาที มีรถติดตอนเริ่มอยู่ในตัวเมืองเนื่องจากเป็นเวลาเที่ยง แต่ที่นั่งกว้างสบาย ปรับเบาะเอนได้ด้วย มีโอกาสงีบเบาๆช่วงอยู่บนทางด่วนซักหน่อยด้วย


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ที่พัก
          เกาหลีใต้มักจะให้เริ่มเช็คอินตอนบ่าย 3 เป็นต้นไป แต่สามารถฝากกระเป๋าได้ซึ่งแล้วแต่นโยบายของแต่ละที่พักค่ะ เราเลือกที่จะไปเที่ยวก่อนค่อยกลับมาเช็คอินตอนเย็น
          ที่พักของเราคือ K-Guest House Myeongdong 2 Single Room ห้องเล็กมากแต่มีของที่จำเป็นครบครัน ไดร์ แชมพู ครีมอาบน้ำเป็นขวดใหญ่กดมันไม่ต้องกลัวหมด ผ้าเช็คตัวเปียกสามารถนำมาเปลี่ยนเป็นผ้าเช็คตัวแห้งได้ตลอดที่ฟร้อนท์ แอร์ก็ปรับได้ตามใจเรา มีโซนกลางไว้ทานอาหารได้ มีไข่กับขนมปังฟรีไม่อั้น บริการตนเอง เจ้าหน้าที่จะมาเก็บขยะให้ห้องทุก 2 คืน


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เราแบ่งที่เที่ยวที่กินตามสถานีรถไฟต่างๆ นะคะ เผื่อใครจะเลือกเที่ยวเป็นโซนๆไป
Itaewon – YMC Ent. / Café K.2.1.2
Express Bus Terminal – GotoMall Shopping Center
Dongdaemun History & Culture Park – DDP / ลานไอซ์สเก็ต / LED Rose / Kakao Friends DDP
Sinsa – Café 89 Mansion / Garosugil / Line Friends Store Garosugil
Samseong Jungang/Gangnam-gu Office – Pledis Ent. / YG K+ Ent.
Gangnam – Kakao friends store
Cheongdam – SM Communication Center
Samseong – SM Coex
GwangHwaMun – พระราชวังคยองบกกุง / คลองชองเกชอน
Anguk – อินซาดง / Miss Lee Café
Seoul – Seoullo 7017
Myeongdong – Hongkong Banjum / Myeongdong Kyoja / Innisfree Café / Osulloc

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Itaewon
1. YMC Ent. – ค่ายที่ดูแลหนุ่มๆ WannaOne และ สาวๆ I.O.I ด้านล่างจะเป็นคาเฟ่ K.2.1.2 สีขาว ส่วนตึกสีดำจะเป็นส่วนของค่ายเพลง ด้านในจะเต็มไปด้วยโปสเตอร์และอัลบั้มที่มีลายเซ็น Wanna One อัดแน่น พร้อมทั้งตอนนี้ต้อนรับการเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ของจีฮุนอูจิน จึงมีแบนเนอร์อันใหญ่ต้อนรับตั้งแต่ทางเข้าร้าน
การเดินทาง : สาย 6 สถานี Itaewon ทางออก 4 - พอออกมาหันหลังกลับ – เลี้ยวขวาตรงแยก - เดินตรงไปเรื่อยๆจนเจอสามแยกที่มี 7-11 – เลี้ยวขวาอีกที – คราวนี้เดินตามถนนไปยาวกว่าเดิม เป็นทางลงเขา(ขาไปไม่รู้สึกแต่ตอนกลับ หืดขึ้นคอ) – เดินตามทางจะบังคับเลี้ยวซ้ายตามถนนอัตโนมัติ(มาถึงขั้นนี้ได้ก็ใกล้ถึงแล้ว) – เดินอีกนิดเดียวมองทางซ้ายจะเจอตึกสีดำสนิท นั่นแหละคุณมาถึงแล้ว

ร้านค่อนข้างกว้างและเต็มไปด้วยดอกไม้สด ส่วนเครื่องดื่มนั้นราคากลางๆ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5000-6000 วอน แต่ได้เป็นเนื้อเป็นหนัง เราสั่ง Sweet Potato Latte เห็นมันแปลกดี ไม่เคยเห็นเมนูนี้ที่ไหน สรุปคืออร่อยดีแต่หวานมาก

2. Line Friends Store Itaewon – ช่วงที่มามีขายของ Collection ของไลน์ที่ BTS ออกแบบ ดังนั้นคนเยอะมากจนเกือบเบียด ใครอยากซื้อของบังทันต้องต่อแถวที่หน้าร้านก่อนนะคะ ถ้าเป็นลูกค้าปกติเดินเข้าได้เลยแต่จะไม่สามารถเข้าโซนที่ขายของบังทันได้ โดยชั้น 2 จะนำของ BTS Collection มาวางขายเฉพาะ ใครที่จะมาดูน้องไลน์ทั่วๆไปอาจจะไม่เต็มอิ่มเพราะนอกจากคนเยอะแล้ว ของก็น้อยลงมากจริงๆ คาเฟ่บนชั้น 3 ก็เต็มแบบทุกที่นั่ง จนกว่าจะหมดช่วง แอบแนะนำให้ไปแต่เช้าเลยหรือไปสาขาที่คาโรซูกิลแทนก็ได้ค่ะ
การเดินทาง : สาย 6  สถานี Itaewon ทางออก 4  - เดินกลับหลัง แล้วข้ามถนน – เดินตรงๆไปแปปเดียว – ตึกสีชมพูใหญ่ขวามือนั่นแหละ คุณมาถึงแล้ว

Express Bus Terminal 
1.GotoMall Shopping Center – แหล่งช้อปปิ้งเสื้อผ้าราคาประหยัดที่ท่านจะเดินขาลากแน่นอน ดังนั้นไม่แนะนำให้มาวันหลังๆไม่งั้นไม่มีแรงเดิน เดินไม่ทั่วแน่ เรื่องอาหารการกินระหว่างช้อปจะไม่เป็นปัญหาเพราะที่นี่ร้านอาหารในสถานีเยอะมาก มีทั้งแบบเป็นร้านนั่งกินในร้าน หรือร้านที่ต้องมานั่งกินโต๊ะรวมๆ เผื่อให้คุณผู้ชายเอาไว้รอสาวๆช้อปปิ้ง
การเดินทาง : สาย 3 หรือ 7 สถานี ExpressBusTerminal  ทางออก  8-1 หรือ 8-2  - ถ้าเดินมาทางออก 8 จะเป็นโซนปรับปรุงใหม่จะมีความหรูหรากระเบื้องสวย นั่นยังคงไม่ใช่โซนประหยัดที่แท้จริง เราต้องไปทางออก 8-1 หรือ 8-2 ให้ได้ถึงจะเจอโซนของถูกในตำนาน
Dongdaemun History & Culture Park 
1.DDP - สถาปัตยกรรมทันสมัยที่ดูเมื่อไหร่ก็เหมือนหลุดมายุคอนาคต ช่วงที่ไปเป็นช่วงเทศกาลโอลิมปิคพยองชาง เลยจะมีบูธและจอยักษ์ไว้ดูกีฬาโอลิมปิคแบบสดๆกันด้วยค่ะ
การเดินทาง : สาย 2 หรือ 4 หรือ 5  สถานี Dongdaemun History & Culture Park ทางออก 1 – ผลักประตูมาก็ใช่เลย


2. ลานสเก็ตน้ำแข็ง – ความพิเศษของฤดูหนาวปีนี้คือหนาวนานมากลากยาวมาถึงปลายเดือนกพ. จึงทำให้ตอนเราไปยังได้เจอลานสเก็ตน้ำแข็ง ที่จะเปิดให้เข้าเป็นรอบๆ จำกัดจำนวนคนค่ะ

3. LED Rose – ตำนานอีกหนึ่งจุดของ DDP ก็คงหนีไม่พ้น LED Rose ที่ดวงของเราอันน้อยนิดไม่ได้ส่งผลกับการมาที่นี่เลยเมื่อเรามาถึงตอน 6 โมงครึ่งแต่ฟ้ากลับสว่างโล่ ไม่มืดเลย จนไม่สามารถเห็นไฟ LED ได้ชัดเจน จึงอดไปตามระเบียบ แต่ก็สวยไปอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน คนละเวลาก็งามคนละแบบ ถ้ามาตอนมืดก็ถ่ายเซลฟี่ออกมาไม่สวยเช่นกัน
Sinsa
1. Garosugil – ถนนสายชิคๆที่ซ่อนร้านเสื้อผ้า คาเฟ่ ไว้ในตรอกซอกซอยเพียบ 
การเดินทาง : สาย 3 สถานี Sinsa ทางออก 8 – เดินตรงไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวเพื่อเข้าถนนกาโรซูเริ่มต้นถนนตรงนี่แหละค่ะ จากนั้นก็เดินยาวๆได้เลย

2.Cafe 89 Mansion – คาเฟ่ของลีจงซอกพระเอกคนหล่อที่ตั้งใจทุกกระบวนการของร้านนี้ ซึ่งบรรยากาศดีมากๆ ชั้นล่างเป็นของหวาน ชั้นบนเป็นของคาว ลูกค้าส่วนใหญ่กลับเป็นคนจีน อาหารคุณภาพชั้นยอด ราคาจึงพุ่งสูงชิดเพดาน พนักงานงานดีทั้งร้านไม่มีผู้หญิงเลย ขนาดห้องน้ำยังใหญ่หรูหรา ก่อนออกจากร้านลองแวะเข้าดูนะคะ 
การเดินทาง : สาย 3 สถานี Sinsa ทางออก 8 – เดินตรงไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวเพื่อเข้าถนนกาโรซู – เดินตรงไปเรื่อยๆจะเจอร้าน Innisfree อยู่ข้างหน้า – เลี้ยวซ้ายโลด เดินตรงนิดเดียวจะเจอร้านหัวมุมด้านขวาสีน้ำเงินๆ – เลี้ยวขวาทันที  - เจอ 7-11 เลี้ยวซ้าย – เดินไปนิดจะเจอร้าน Pancake house เลี้ยวขวาทันที –  เดินตรงไปนิดเจอร้านสีแดงอยู่ข้างหน้า – เลี้ยวซ้ายปุ๊บก็เห็นตึกของร้าน Café 89 Mansion ทันทีอยู่ทางขวา
Ehwa Womans University
1.Ehwa Womans University – มหาวิทยาลัยสตรีที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เป็นสถานที่ถ่ายรูปที่ใครมาโซลต่อมาโดนกันแทบทุกราย เราไปตรงกับวันรับปริญญาพอดีเลยได้เห็นบัณฑิตหญิงน่ารักๆ แต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็มพอดีงามแต่แอบท้าลมหนาวกันเบาๆ 
การเดินทาง : สาย 2 สถานี Ehwa Womans University ทางออก 2 หรือ 3 – เดินตรงดุ่มไปได้เลย มหาวิทยาลัยอยู่ตรงหน้าเลยค่ะ
Hongdae
1. Hongik University – ย่านรวมแหล่งช้อปปิ้งและอาหารจำนวนมาก คนเยอะแล้วมันน่าเดินสุดๆ ร้านอาหารเยอะจนเลือกไม่ถูกกันเลย ตอนเราไปเด็กๆกำลังเตรียมการแสดงริมถนนอยู่ เป็นสีสันสำคัญของย่านนี้เลย
การเดินทาง : สาย 2 สถานี Hongik University ทางออก 9


2. Kakao Friends Store Hongdae – ร้านรวมคาแรคเตอร์ Kakao ที่พิเศษมีหนึ่งเดียวเฉพาะสาขานี้คือมีพิพิธพันธ์ในชั้นใต้ดินที่คนจะต่อแถวยาวมาก มีค่าเข้าชมอยู่ที่ 3000 วอน 
การเดินทาง : สาย 2 สถานี Hongik University ทางออก 8 หรือ 9 – ร้านจะอยู่ระหว่างทางออก 8 กับ 9 ถ้าออก 9 ก็เดินกลับหลังหันมา ตรงอีกนิดหน่อย เจอร้านอยู่ขวามือ
3.บิบิมบัม 5000 วอน – บุฟเฟ่ต์ข้าวยำบิบิมบับจ่ายเงินเองจากเครื่องอัตโนมัติ (หน้าจอมีภาษาอังกฤษ) ตักข้าวและเครื่องเอง พร้อมไข่ดาว 1 ฟองจากคุณป้าคนขาย(เสียดายที่ไข่ดาวไม่เป็นบุฟเฟ่ต์) แต่มีกฎว่าต้องกินให้หมดนะคะ ไม่หมดปรับ 2000 วอน จงตักพอดีทานค่ะ 
การเดินทาง : สาย 2 สถานี Hongik University ทางออก 9 เดินเข้าฮงแดทันที – ตรงไป พอเจอ MCM ก็เลี้ยวขวาตามทาง – เดินตรงอีกหน่อย – ร้านจะอยู่ซ้ายมือ มีบันไดลงชั้นใต้ดินกันเลยค่ะ


4.Cafe de One Piece – คาแฟ่เรือโจรสลัดวันพีช แม้ข้างในจะแคบแต่ร้านมีคอนเสปแน่นทุกจุด มีทั้งของคาวหวาน เครื่องดื่ม ราคาสูงตามสไตล์ เราขอโดนไอติมทูโทนกรีนที (เลือกรสไม่ได้ ก็รวมเลยละกัน) กับชานมร้อนที่มาบาลานซ์กับไอติม  ไอติมสูงเยอะและอร่อยมากเมื่อเทียบกับราคา ส่วนชานมร้อนค่อนข้างทั่วไปไม่ได้อร่อยเป็นพิเศษ ราคาไอติมอยู่ที่ 4500 วอน และชานมร้อนอยู่ที่ 4500 วอน
GwangHwaMun 
1.พระราชวังคยองบกกุง – พระราชวังกลางใจเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล ใครสวมชุดฮันบกจะไม่เสียค่าเข้า ส่วนทั่วๆไปค่าเข้าของผู้ใหญ่อยู่ที่ 3000 วอน
การเดินทาง : สาย 3 สถานี GyeongBukGoong ทางออก 8 หรือ 9 / สาย 5 สถานี GwangHwaMun ทางออก 9
2.คลองชองเกชอน – คลองใสสะอาด และหอยม่วงในตำนาน คลองทอดยาวมากๆ ใครใจถึงก็เดินให้สุดก็ได้นะคะ ชมทัศนียภาพข้างทางไปด้วย เดินหน้าหนาวได้เปรียบกว่าหน้าอื่นๆ ไม่มีเหงื่อออกแน่นอน 
การเดินทาง : สาย 5 สถานี GwangHwaMun ทางออก 5 ขึ้นมาแล้วตรงนิดนึง จะเจอหอยม่วงสูงใหญ่ต้อนรับอยู่ค่ะ คลองนั้นจะอยู่ซ้ายมือ
3.Hottrack สาขากวางฮามุน – ร้านขายอัลบั้มภายในร้านหนังสือ Kyobo Book มีอัลบั้มของศิลปิน K-Pop เพียบให้ได้โดนกัน อัลบั้มเก่าแค่ไหนก็มีนะ ถ้าหาไม่เจอสามารถถามพนักงานได้ พนักงานเยอะและใจดีค่ะ
การเดินทาง : สาย 5 สถานี GwangHwaMun ทางออก 4 จะเชื่อมกับ Kyobo Book ทันทีพอเข้าข้างในก็เลี้ยวซ้ายมือเดินไม่กี่ก้าว ทางซ้ายมือจะเป็นร้าน Hottrack ทันที
Anguk 
1.Insadong – ย่านที่มีเอกลักษณ์ตรงที่เหมือนหลุดไปในยุคอดีตไม่ถึง 100 ปีก่อน ร้านข้างทางจะจัดธีมย้อมยุค และตึกขึ้นชื่อ ของที่นี่คือ Ssamziegil อยู่ฝั่งซ้าย ตั้งโดดเด่นมาก
การเดินทาง : สาย 3 สถานี Anguk ทางออก 6 - เดินตรงมากเล็กน้อย จะมีเวิ้งถนนคนเดินใหญ่ๆซ้ายมือ – เลี้ยวซ้ายได้เลยค่ะ ถนนตรงหน้าเส้นนี้ก็คือถนนอินซาดงนั่นเอง

Seoul
1. Seoullo 7017 – สะพานลอยฟ้าอันใหม่กลางใจโซลที่ยาวมาก ตกแต่งด้วยต้นไม้ดอกไม้สวยงาม แต่ละส่วนก็จะมีธีมของตัวเอง ถ้ามีเวลาลองค่อยๆอ่าน ค่อยๆเดินไปทีละโซนก็น่าสนใจเหมือนกันนะคะ
การเดินทาง : สาย 1 หรือ 4 สถานี Seoul ทางออก 2 หรือ 8
Myeongdong 
1. Hongkong Banjum – ร้านอาหารจีนราคาประหยัดที่ซ่อนอยู่ในมยองดง มีเมนูหลักๆที่คนเกาหลีชื่นชอบไม่ว่าจะเป็นจาจังมยอน จัมปง และอื่นๆ เราเองชอบจาจังมยอนร้านนี้มาก มาถึงต้องโดนทันที ราคาอยู่ที่ 4500 วอน ปริมาณเยอะมากๆ ถ้าไม่หิวโซ สตรีตัวน้อยๆอย่างเราทานไม่หมดจริงๆ ซอสจาจังเป็นสีน้ำตาล แต่พออยู่รวมๆกันเลยดูเป็นสีดำ และรสชาติหวานเล็กน้อย ฟินสุดๆเข้าใจความรู้สึกเหล่าไอดอลที่ชอบกินจาจังมยอนเลย อร่อยอิ่มหากินง่าย มาถึงเกาหลีแล้วต้องโดนให้ได้นะ

5.Osulloc – ชาเขียวชั้นดีส่งตรงจากเกาะเชจู นอกจากจะขายผงชารสชาติต่างๆแล้ว ยังมีคาเฟ่ให้ได้ลิ้มลองความพรีเมี่ยมของชาเขียวแบบไม่ต้องทำเอง ทั้งไอติมทั้งกรีนทีลาเต้นั้นล้วนเป็นเมนูขึ้นชื่อ เราจะพลาดไม่ได้แม้แต่ประการเดียว เพราะเลือกไม่ได้เราเลยกินมันทั้ง 2 อย่างเลย โดนไปอย่างละ 6000 วอน แม้ราคาจะถือว่าสูงแต่ขนาดก้อนไอติมนั้นใหญ่มากๆ(ถ้าร้านทั่วไป แบ่งขายได้ 2 ก้อน) รสชาติเข้มข้นไม่หวาน ชาเขียวเน้นๆ พอกินคู่กับกรีนทีลาเต้ร้อนก็ยิ่งเสริมกัน ไม่มีการเสียรสชาติแต่อย่างใด กรีนทีลาเต้ก็ชาเขียวเข้มข้น ไม่หวานให้เสียรส ปริมาณถือว่าเยอะมากเลยทีเดียว ไหนๆก็มาถึงแล้วอย่างลืมแวะดูแวะลองกันได้นะ มีหลายสาขามาก


6.Innisfree Green Café – คาเฟ่แห่งเดียวของ Innisfree ตั้งอยู่ในใจกลางมยองดง บริเวณชั้น 2 และ 3 เป็นคาเฟ่โซน แต่สั่งและรับออเดอร์ได้แต่ที่ชั้น 2  ส่วนถ้าตอนทานเสร็จจะสามารถเก็บถาดในชั้นไหนก็ได้ค่ะ
          เราไม่อยากจัดหนักด้วยเมนูขนมปังเนื่องจากอยากกินเป็นของหวานเบาๆ จึงเลือกกินเป็น Hot soufflé cake + Juice สนนราคาที่ 15,000 วอน ถือว่าสูงแต่พอเห็นของจริงเท่านั้น ปริมาณใหญ่มากหนามาก ได้มาถึง 3 ก้อน เราคนเดียวกินไม่หมดค่ะยอมแพ้ แต่ฟินจริงจัง เนื้อนุ่มมากๆ แต่อยากให้ท้อปปิ้งเยอะกว่านี้มันไม่ค่อยบาลานซ์กับขนมเท่าไหร่ รวมๆแล้วคือมาถึงมยองดงต้องลองให้ได้นะคะ ร้านไฟสว่างเหมาะกับการถ่ายรูปสุดๆ
7.อาหารข้างทาง – รวมอาหารข้างทางของมยองดงที่อยากกินมันทุกร้านเลยแต่กระเพาะเราจุไม่พอ
สนามบินอินชอน - ขาออก

          คนไทยเรากลายเป็นก่อนเวลากันก็งานนี้แหละ ต่อแถว Check in กันยืดยาวก่อนที่ Counter จะเปิดอีกแล้ว ภาพจำขามายังติดตา แต่เราก็ขอย้ำอีกรอบว่าการทำ Online Check in แล้วมา Baggage Drop ที่สนามบินกันฆ่าเวลาได้เยอะมากๆ เราทำออนไลน์เช็คอินและปริ้นท์มาจากที่พักมาก่อนเพราะสำหรับอินชอนจะทำออนไลน์เช็คอินได้ก็ต่อเมื่อเข้าประเทศเกาหลีใต้แล้วเท่านั้น


          หลังจากผ่านการตรวสัมภาระและตรวจคนเข้าเมือง เกทของ TAAX จะอยู่คนละอาคารกับอาคารตม.หรืออาคารผู้โดยสารหลัก ดังนั้นเราต้องนั่งรถไฟไปยังอาคารดังกล่าวโดยที่นั่งไปได้อย่างเดียว ใครจะนั่งไปเที่ยวหรือนั่งไปนั่งกลับนั้นไม่ได้เด็ดขาด พอถึงตัวอาคารแล้วจะมีเกทจำนวนน้อย แต่ร้าน Duty Free และร้านอาหารก็มีให้ครบครันไม่ต่างกับอาคารหลัก


          ขากลับแฮปปี้ไร้การดีเลย์แต่อย่างใด รวมทั้งที่ไม่ค่อยเซอร์ไพส์คือไฟล์ทไม่เต็มอย่างที่ส่องมาในเว็บก่อนบิน คงจะมีคนโดดร่มหรือโดนส่งกลับไม่น้อยทีเดียว ที่นั่งข้างหลังเราว่างเป็นแถบ สามารถเอนหลังสุดได้สบายๆ ขากลับได้อาหารเป็นข้าวไก่อบน้ำจิ้มแจ่ว รสชาติเด็ดมาก น้ำจิ้มคือพีค มันอร่อยถึงขนาดทนกลิ่นไม่ไหว อิ่มแล้วยังต้องโดนเป็นอาหารปิดท้ายทริปที่ดีมาก


          จบลงแล้วสำหรับการรีวิวเที่ยวโซลแบบโซโล่ทริปนี้ หวังว่าจะเป็นความสุข ความฟินและประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกท่า

ข้อมูลเบื้องต้นของทริปนี้
การเดินทาง  –     ขาไป OZ742 จ.13 กพ. 60 เวลา 23.40น.(กทม.) ถึง อ. 14 กพ. 60 เวลา6.50น. (โซล)
                        ขากลับ OZ 743 ส. 18 กพ. 60 เวลา 20.20(โซล) ถึง อา.19 กพ. 60 เวลา 00.10 (กทม.)
เราบินกับสายการบิน Asiana airline ราคารวมภาษีทุกอย่างแล้ว 15,110 บาทคะ (เราซื้อผ่าน Wisma travel คะ เพราะถูกว่าซื้อจากเว็บสายการบินและมีหน้าบริษัทชัดเจน ถ้าเกิดปัญหาก็ตามได้ง่าย แล้วพี่พนักงานทำงานรวดเร็วมาก เราชอบมากเลยคะ)

สาเหตุที่เลือกบินกับAsiana – 
1. ราคาของสายการบินหางแดงนั้น หลังจากบวกทุกอย่างแล้ว ประมาณ13,000-19,000 บาท(เราเพิ่งได้วันเดินทางที่แน่นอนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว พอจะจองทำให้โปรต่างๆหมดไปเรียบร้อย เลยถอดใจกับโลว์คอส ไม่กล้าจองใกล้วันไป กลัวไม่มีโปรมาอีก มันดูเสี่ยงไปหน่อย) ส่วนสายการบินแห่งชาติทั้งของไทยและเกาหลีใต้นั้น ราคารวมอยู่ที่ประมาณ2หมื่นบาทขึ้น เราขอไม่สู้ละกัน เพราะงั้นในช่วงเวลาที่เราไปแล้ว ราคาของAsianaถือว่าถูกแล้วยังได้ฟูลเซอร์วิชด้วย 
2. เวลาบินไป-กลับที่สวยงามสุดๆ ขาไปถึงโซล7โมงเช้า วันแรกก็จะได้เที่ยวเต็มๆวัน ขากลับเครื่องออก2ทุ่มกว่า วันสุดท้ายก็พอจะเก็บตกที่มยองดง บริเวณที่พักได้ด้วย ไม่ต้องรีบจนเกินไป

เงินวอน – แลกกับซุปเปอร์ริชที่เรทแสนถูก เรทที่เราได้คือ0.0304 บาท/วอน 

การใช้อินเตอร์เน็ตในโซล – เราเลือกใช้ SIm2fly ของ AIS ใช้เน็ตได้ในความเร็วสูงสุดเป็นจำนวน3GB 8วัน ราคา399บาท ถือว่าถูกสุดๆ แถมเราไปคนเดียว การใช้ Pocket wifi เป็นอะไรที่น่าจะสร้างความลำบากพอสมควร แล้วไหนจะเรื่องราคาอีก แต่ถ้าไปหลายๆคนยังไงPocket wifi ก็คุ้มกว่าแน่นอน ไป5วัน เราใช้ไปแค่ครึ่งเดียวทั้งที่ใช้ดูMap เล่นเน็ตตลอด คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

บัตร T-money - สามารถซื้อและเติมเงินในบัตรได้ตามร้านสะดวกซื้อ( GS25 7-11 ) ถ้าซื้อบัตรที่สนามบินหรือลายพิเศษ ราคาบัตรจะเป็น 4,000วอน แต่ถ้าซื้อร้านข้างนอกราคาจะเป็น 2,500วอน ส่วนเราได้ยืมบัตรมาจากเพื่อนที่ไปเกาหลีช่วงคริสมาสปีที่แล้วมาอีกทีค่ะ เลยลดต้นทุนไปหน่อยนึง

สภาพอากาศ - อากาศตอนไปอยู่ระหว่าง -5ถึง5 จะมีวันศุกร์ที่สูงถึง11องศา ส่วนวันอื่นนั้นทรงตัวประมาณนี้เลยค่ะ ใส่3ชั้น(Heattech เสื้อกันหนาว เสื้อโค้ท กางเกงบุขนหนา) แล้วก็พกHotPackตลอดในกระเป๋าโค้ท ไม่งั้นงัดมือออกมาถ่ายรูปนานๆไม่ได้แน่นอน

แผนการเดินทาง
Day 1: สนามบินสุวรรณภูมิ
Day 2: Seoul, Namsan tower, SUM Market
Day 3: Ehwa University, Hongik University, DDP
Day 4: SM Coex, Garosugil
Day 5: KBS, คลองชองเกชอน, Itaewon
Day 6: Myeongdong, Incheon International Airport

Main point: เราเป็นติ่งค่ายSM Ent.และLine Friends เพราะฉะนั้นท่านจะเจอเหล่านี้เยอะมากในกระทู้นี้ โปรดเตรียมใจไว้ให้ดีๆ

เริ่มบุกโซลกันเลยค่ะ
DAY 1
พอไปถึงสนามบิน ปรากฎว่าเครื่องบินดีเลย์ค่ะ จาก23.40น.ของวันที่13 เป็น 00.10น.ของวันที่14 เป็นเหตุให้เราเรียกทริปนี้ว่าเริ่ม14กพ. พอไปถึงที่โซลเลยช้าจากกำหนดการไปประมาณ20นาที แต่ไฟล์ทยังเช้าเราให้อภัย


หลังจากลงเครื่องแล้ว เราแนะนำให้รีบพุ่งตรงไปตม.ทันที อย่าเพิ่งแวะห้องน้ำเดี๋ยวคนเยอะ ไฟล์ทของเรานั้น คนเกาหลี70% คนอเมริกา(ที่น่าจะต่อเครื่องไปอเมริกาต่อ)20% ที่เหลื่อคือคนชาติอื่นๆที่มาเที่ยวเกาหลีรวมเราด้วย10% เพราะงั้นแถวที่ต่อตม.จึงสั้นมาก เราใช้เวลาต่อคิวนั้น20นาทีก็ถึงตาเราทันที
เอกสารที่เราเตรียมไป คือ เอกสารการจองตั๋วเครื่องบิน เอกสารการจองโรงแรม เอกสารรับรองความเป็นนักศึกษา พาสปอร์ตเล่มเก่า บัตรนักศึกษา
ทริกที่เราใช้ คือ เอาใบตม.ใส่ในหน้าวีซ่าเชงเก้น แต่ถ้าใครเคยไปไหนแทรกกระดาษไว้หน้านั้น ถ้าพาสปอร์ตไม่ขาวนะคะ ส่วนท่าทางต้องเป็นธรรมชาติ ไม่ลนลาน มั่นๆหน่อย 
สรุปคือผ่านอย่างง่ายดาย แถวตม.ชายเร็วกว่าตม.หญิง แถมไม่ถามไม่พูดไม่จา พอให้พาสปอร์ตไปก็กดๆ ซักพักให้เราเอานิ้วแตะ เสร็จแล้ว อ้าวเร็วดีแฮะ


พอออกมาแล้ว เราก็เข้าเมืองโดยรถLimousine bus No.6015 ซึ่งรถบัสหมายเลข 6015 นี้จะไปสุดที่เมียงดง บริเวณโรงแรมSejong ราคาอยู่ที่15,000วอน มีคุณลุงคนขับมายกกระเป๋าขึ้นรถ แจ้งจุดหมายปลายจะได้การ์ดประจำกระเป๋า เอาไว้แลกกับกระเป๋าตอนถึงจุดหมาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ1ชม.ครึ่ง เราเลือกขึ้นรถบัสเพราะความสบาย ไม่ขอเปลืองแรงแต่เนิ่นๆ ขอเก็บแรงไว้ให้มากที่สุดเพื่อการท่องเที่ยวละกัน ตอนเดินขึ้นรถก็แปะบัตรT-moneyเพื่อจ่ายเงิน ถ้ายังไม่มี T-money ก็จ่ายเงินสดนะคะ คนขับมีทอน

ที่พัก – เราเลือกพักในย่านมยองดง เพราะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และร้านอาหารจานเดียวแบบที่กินคนเดียวได้เยอะ ถ้าพักย่านมหาวิทยาลัยจะมีข้อจำกัดที่ว่าบางร้านต้องมา2คนขึ้นไปถึงจะรับ(ไปคนเดียว ก็แอบลำบากในเรื่องนี้)
เราพักที่ K-Guest House Myeongdong 2 ห่างจากสถานีมยองดงและจุดจอดรับของAirport Bus หมายเลข 6015 นิดเดียว ที่นี่ไม่ค่อยมีรีวิวของคนไทยเท่าไหร่ แต่จากที่เราศึกษาเป็นห้องเดี่ยวที่ราคารับได้ อยู่ในทำเลทอง มีห้องพักเดี่ยว สะอาดสะอ้าน การตกแต่งสบายตา  มีเกือบ10สาขาทั่วโซลเพราะงั้นความน่าเชื่อถือจึงมีมาก ที่นี่ชื่อเป็นเกสเฮ้าส์แต่ลักษณะดูเป็นพวกBusiness hotelมากกว่า
เราพักห้องเดี่ยว ขนาดห้องแคบแต่พักคนเดียวเลยไม่มีปัญหาอะไร ห้องน้ำในตัวราคาอยู่ที่คืนละ1,254บาท เป็นเวลา4คืน รวมภาษีต่างๆของAgodaแล้วจะเป็น6,071บาท(เฉลี่ยเลยกลายเป็น 1,517 บาทต่อคืน)
Location: Myeongdong station Exit 8
Namsan Cable Car & Tower
Location: Myeongdong station Exit 3 ออกจากทางออกก็ไปทางโรงแรมPacific แล้วเลียบไปทางขวา เดินตรงดิ่งไปเรื่อยๆ เจอแยกก็เลียบขวาอีกครั้ง จากนั้นเดินตรงขึ้นเนินเขาไปยาวๆ จะเจออยู่ทางขวาคือสถานีเคบิลคาร์นั้นเอง ขึ้นเขาเหนื่อยมาก จากหนาวๆ ร้อนขึ้นมาทันใด
ตั๋วไปกลับสำหรับผู้ใหญ่ราคา8,500วอน พอพนักงานฉีกตั๋วตอนขาไป ต้องเก็บส่วนที่เหลือไว้ให้ดีนะคะ เดี๋ยวใช้ตอนลงจากเขาอีกครั้ง

ถึงแล้วค่ะ Namsan tower แลนด์มาร์คอันดับต้นๆของกรุงโซล


Hong Kong Bunjum Myeongdong
ร้านนี้เป็นร้านอาหารจีนเลื่องชื่อ เราเลือกจัดจาจังมยอนที่ใครดูซีรีย์ ติ่งต่างๆต้องเห็นเหล่าไอดอลกินกันเอร็ดอร่อยเลยต้องลองบ้าง ปรากฏว่าอร่อยมากค่ะ หวานนิดๆ ถูกปากเรามาก แต่ปริมาณเยอะมาก กินไม่หมดเลยค่ะ
Location: Myeongdong Station Exit 8 พอออกจากทางออกเดินตรงเข้ามยองดงไปยาวๆ ร้านนี้อยู่ชั้น2 ร้านอยู่ซ้ายมือ พยายามมองหาป้ายหน้าลุงที่ยื่นมาจากตึก เจอแล้วเลี้ยวซ้าย เจอบันไดก็ขึ้นไปจัดได้เลยค่ะ
Day 2
Yumsem Edae
Location: Ehwa womans university Station Exit 2 เดินเลียบถนนมาเรื่อยๆ แยกที่4แล้วเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปเรื่อยๆร้านอยู่ฝั่งขวา
เราหิวมากเลยจัดข้าวหน้าหมูทอด ราคา5,500วอน ปริมาณเยอะเป็นที่แน่นอน ร้านเป็นself-serviced เดินไปสั่งอาหาร หยิบน้ำเอาเองนะคะ
Ehwa womans university 
Location: Ehwa womans university Station Exit 2 เดินตรงจนสุดทางแล้วข้ามถนน เจอเลย
แสงตอนมาถึงสวยมาก ถ่ายรูปไปเยอะเลย แต่คัดเอาเนื้อๆมาแบ่งปันนะคะ
Hongdae 
Location: HongIk University Station Exit 9
แหล่งรวมวัยรุ่น ร้านอาหาร และร้านเคสมือถือ เคสมือถือเยอะมาก ร้านเว้นร้าน ราคาประมาณ10,000-20,000วอน
Dongdaemun Design Plaza (DDP)
Location: DongDaeMun History & Culture Park station Exit1 
เสียดายตอนเราไปหมดเทศกาลดอกไม้LEDแล้ว แต่ถือว่าตึกDDPมีความยูนีคสูงมากจริงๆ
Day 3
SM Coex
Location: (2) Samseong station Exit 5 หรือ 6 เดินออกมาก็เจอตึกทันที

ชั้น2คือร้านSUM เป็นโซนขายสินค้าทั่วไปของศิลปินค่ายSM มีตั้งแต่BoA ยันน้องใหม่แกะกล่องอย่างNCT
Song Song Noodles Hongdae ร้านหม้อไฟทานคนเดียวย่านฮงแด
Location: Hongik University Exit 9 ร้านอยู่ตึกเดียวกับร้านKFC แต่ให้เดินเข้าไปในฮงแด แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าตึก ร้านอยู่ทางขวา ทางไปห้องน้ำ
เราสั่ง Seafood Spicy Soup with Noodles สนนราคาอยู่ที่7,500วอน
GwangHwaMun Square 
Location: GwangHwaMun Station

รูปปั้นพระเจ้าเซจอง ผู้ผลิตอักษรฮันกึล


คลองชองเกชอน
Location: GwangHwaMun Station Exit  5
หอยม่วงในตำนาน ใครมาก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้
Lotte Mart 
Location: Seoul Station Exit 1 จากนั้นเดินตามป้ายคำว่า "Lotte mart" ล้วนๆได้เลยค่ะ
ล็อตเต้มาร์ทเป็นซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ของโซล ของราคาถูกกว่าที่อื่นแน่นอน มีTax Refundด้วยถ้าซื้อเกิน30,000วอน แต่ขนาดเราซื้อเพียบยังไม่เกิน30,000วอนเลย 
Day 5 
ช้อปปิ้งเดย์ล้วนๆ เพราะงั้นเราเลยขออวด Street food ของมยองดงละกันนะค่ะ จริงๆทานเยอะกว่านี้แต่พอหิว ปากกินก็เร็วกว่ามือถ่ายรูปเสมอเลย

ขากลับไปสนามบิน เราก็เลือกใช้บริการรถลีมูซีนบัสเช่นเคย ที่งงคือขากลับราคาเป็น14,000วอนซะงั้น (เพราะขามาจ่าย15,000วอน) เรากลับวันเสาร์รถติด เพราะมีการประท้วงที่จัตุรัสกวางฮวามุน ขอเตือนนะคะ คนขับรถขับเร็วมาก ซิ่งจนถึงขั้นต้องรัดเข็มขัด เราถึงขั้นเมารถกันทีเดียว 
พอถึงสนามบินอินชอนแล้ว สามารถหาแถวที่เราจะไปเช็คอินได้เลยค่ะ

ความพิเศษของสายการบิน Asiana คือ ชั้นประหยัดต้องที่Self check-in ที่ตู้ แต่ไม่ต้องกลัวมีพนักงานช่วยตลอด จากนั้นถึงไป Baggage Drop ซึ่งประหยัดเวลาดีมากๆ เพราะไฟล์ทใกล้เคียงเยอะมาก ส่วนใหญ่จะไปอเมริกา

จากนั้นก็เข้าไปตม.ได้เลยค่ะ
ตม.ขากลับสั้นๆ ง่ายๆ ไม่มีประทับตราขากลับนะค่ะ เพื่อประหยัดเวลา
พอผ่านตม.มา ท้องก็ร้องซะงั้น เลยต้องขอจัดก่อนกลับซะหน่อย ราคาอาหารนสนามบินก็คือว่าสูงกว่าข้างนอกเล็กน้อยนะค่ะ แถมปริมาณไม่เยอะเหมือนข้างนอก เราเลยจัดว่าแพง แต่ด้วยความหิวเลยไม่เรื่องมากแล้ว
StrEAT อยู่บริเวณเกต 40 สรุปเลยเลือกร้านนี้ เพราะคนน้อยและมีที่นั่ง ร้านตรงต้นทาง คนเยอะสุดๆ  เราจัด Shoyu Ramen ราคา8,500วอน น้ำซุปเผ็ดๆนิด ถูกปาก ติดอย่างเดียวถั่วงอกเยอะไปหน่อย

พอใกล้เวลาบอร์ดดิ้ง ก็ต่อแถวรอกันอีกเช่นเคย คนเกาหลีเข้าแถวกันแต่เนิ่นๆ แล้วบอร์ดดิ้งเร็วมาก แต่เพราะการจราจรที่อินชอนหนาแน่น เครื่องเลยดีเลย์ไปเกือบชม.
ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ6ชม. เราก็ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพค่ะ

จบแล้วสำหรับการรีวิวเที่ยวโซลครั้งนี้นะคะ เราตั้งใจมารีวิวเพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับการท่องเที่ยวของทุกท่านในอนาคต และเป็นเหมือนไดอารี่การท่องเที่ยวของเราด้วย ยินดีให้คำปรึกษาสำหรับท่านที่มีคำถามเกี่ยวกับการเที่ยวโซล โดยเฉพาะการที่ผู้หญิงไปเที่ยวต่างประเทศคนเดียว
เพิ่มเติมเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง
ค่าT-money(รวมค่าเดินทางรถไฟ รถเมล์ ค่ารถบัสเข้า-ออกเมือง ค่าใช้จ่ายตามร้านสะดวกซื้อ) = 75,000วอน
ค่าอาหาร5วัน4คืน = 165,400วอน
ค่าช้อปปิ้ง = 173,100วอน
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ = 8,500วอน
รวมเป็น 422,000วอน หรือ 12,829บาท
เราช้อปไปเยอะ ถ้าไม่ได้ช้อปอะไร พกตังค์ไปซัก7,000-10,000บาทเอาอยู่แน่นอนค่ะ(สำหรับ5วัน)

โพสต์แนะนำ