https://wentimpression.blogspot.com/google.com,%20pub-3791389710662192,%20DIRECT,%20f08c47fec0942fa0 แอนนี่สตอรี่ @SabaiStory

หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562

2 แม่ลูกวางแผนเที่ยวเกาหลี.."ตะลุยโซล" (ครั้งแรก) ep. 3 ทริค!(บินตรง)จองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูก


ep. 3 
ทริค ! การจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูกสุด !
แบบบินตรง ถึงไว ! สบาย*~~~***ชิลๆ 



ทริปเที่ยวเกาหลี(โซล) ในครั้งนี้เราจะเน้น บินตรง !
จากสนามบินเชียงใหม่ CNX. --> ICN กันเลยทีเดียว !
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ emo เครื่องบิน
ราคานั้นต้องถูก ! สามารถจับต้องได้ทัน ! 
ก็ต้องค้นหาสายการบินที่สามารถเดินทางโดยตรงจากสนามบินใกล้บ้าน
ที่เป็นต้นทางของเรา อาทิเช่น จากสนามบินเชียงใหม่ นั้นมีสายการบินที่เดินทาง
ไปต่างประเทศนั้นมีสายการบินอะไรบ้างนะ? จะเป็นแบบฟูลเซอร์วิส/บริการบนเครื่อง
หรือจะเป็นสายการบินแบบโลว์คอร์ส อย่างไรนั้นก็แล้วแต่จำนวนเงินในกระเป๋าของเรา
แต่ทริปนี้...ขอเน้น ทริป ! เที่ยวแบบถูกและดี เที่ยวกันแบบชิลๆ ชิคๆ 
ไปกันเองได้ไม่ง้อทัวร์อะไรแบบนั้น ! สรุปน่าจะต้องใช้บริการจากสายการบินแบบ
บินตรงโลว์คอร์ส ซะแล้วหละ
 
แล้วก็หากันจนเจอกับ......สายการบินเจจู  (Juju Air)
เป็นสายการบินแบบ Premium Economy Airlines

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การ์ตูนเคลื่อนไหวน่ารักๆ
เข้าไปอ่านรายละเอียดการให้บริการของสายการบินเจจู ซะก่อนนะ..ให้เข้าใจถ่องแท้
ทริปแพลนของเราจะไม่สะดุดปัญหายิบย่อยต่างๆนะ  เราก็พอได้เนื้อหาจำเป็นต้องรู้
เกี่ยวกับสายการบินเจจูนี้มาฝากกัน ....! ไล่ลำดับไปตามความสำคัญก็คือ : )

Jeju Air ใช้เครื่องบินแบบ Boeing 737-800 ที่นั่งแบบ 3-3


@ มีอาหารกล่องเสิร์ฟบนเครื่องบิน / อาจมีขายอาหารบนเครื่อง / เสิร์ฟแค่น้ำดื่ม...
ไม่แน่ใจ!กับที่อ่านเจอในหลายรีวิว!  ดังนั้น ! จึงต้องตามรอยกันไปดูของจริงก่อน...

ในปีล่าสุด 2562 นี้กันก่อนจะมารีวิวการเดินทาง*~~**
โดยเจจูแอร์ ให้ได้ดูชมกันในโอกาสต่อไปข้างหน้าที่จะถึงเร็วๆ นี้....


@ ผ้าห่มบนเครื่องนั้น ! ก็ไม่เห็นใครรีวิวนะว่ามี / ไม่มีอย่างไรบ้าง? 
แต่ก็เผื่อไว้ยามจำเป็นถ้าเดินทางไปในช่วงหน้าหนาว ก็หาผ้าห่ม/ ผ้าคลุมผืนเล็ก
ติดกระเป๋าขึ้นเครื่องไปด้วย เพราะหิ้วกระเป๋า น้ำหนักไม่เกิน 10 กก. ขึ้นเครืองได้

@ น้ำหนักกระเป๋าเดินทาง ที่โหลดใต้เครื่อง ถ้าเราซื้อตั๋วเครื่องบินแบบปกติ จะได้น้ำหนัก
กระเป๋าโหลดใต้เครื่องได้ไม่เกิน 20 กก. และซื้อตั๋วแบบลดราคา ก็จะได้น้ำหนักกระเป๋า
โหลดใต้เครื่อง 15 กก. แต่ถ้าเป็นตั๋วแบบโปรโมชั่นลดแหลก ! นั่น จะไม่มีน้ำหนักระเป๋า
จึงต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มเติม และต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อค่าเลือกที่นั่ง 
ตามบริการ Purchased Block Seat ด้วยนะคะ
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

@ ช่วงเวลาจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูก แบบ"ตั๋วลดราคา" 
ทางสายการบินเจจูแอร์ จะปล่อยตั๋วโดยสารออกมาก่อนการเดินทางของเรา 30 วัน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รีวิวราคาตั๋วบินลดราคา ตั๋วโปร กับ เจจูแอร์ ไปเกาหลี

ราคาค่าตั๋วโปรโมชั่น Super Sale !
ก็มีหลายราคาถูกมากน้อยก็แล้วแต่ช่วงเวลานั้นๆ 
ที่แชร์บทความกันในพันทิป อาทิเช่น....

25 ก.ค. 2561 - วันนี้จะมารีวิวเรื่อง การได้ตั๋วเครื่องบินที่ร้องว้าวมาก ของสายการบิน Jeju Air ช่วงตอนนั้นคือ จะมีการโปรโมท SUPER SALE 1.2.1.7 ใช่ป่ะ ... เครื่องสำอาง เสริมสวย แฟชั่น เครื่องประดับ ลดความอ้วน ... เราสามพี่น้องไปเที่ยวเกาหลีบ่อยมาก สลับกันไปพร้อมกันบ้าง .... โปรนี้มีปีละสองครั้งนะคะ จองได้มกรากับกรกฎาคม ปีหน้าก็ขอให้เป็นแบบนี้เนอะ.
คุณไปที่หน้าเว็บนี้เมื่อ 20/4/2019
7 ม.ค. 2561 - เมื่อวาน สายการบิน Jeju Air ออกโปร 1,550 บาทต่อเที่ยว ไปเกาหลี ผมรู้ข่าวนี้ผ่านเพจอาแป๊ะครับ .... สายนี้เคยนั่งตอนไปกับทัวร์ เครื่อง 737 เหมือนนกแอร์/ไลอ้อนครับ แจกแต่น้ำเปล่า ..... โชคร้ายตั๋วเชจูหมดโปรต้องซื้อราคาปกติเกือบแพงเท่าราคาตั๋ว กทม ปูซาน ... ราคา 12000+ ซึ่งยังไม่เลวร้าย ตอนนี้รอรีวิวเหมือนกันแต่ยังไงก็ต้องไปละ ...
คุณไปที่หน้าเว็บนี้เมื่อ 20/4/2019
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รีวิวราคาตั๋วบินลดราคา ตั๋วโปร กับ เจจูแอร์ ไปเกาหลี



ขอบคุณรีวิวดีๆ นะคะ
ตามที่สัญญาไว้กับเพื่อนๆว่าจะรีวิวสายการบินเจจูแอร์ (Jeju Air) มาให้ชมกัน การเดินทางในทริปเกาหลีใต้ครั้งนี้เลยจัดเต็มมาให้ครับ ทั้งเที่ยวการเดินทางไป และการเดินทางกลับ กับสายการบินโลว์คอสแอร์ไลน์อันดับหนึ่งของเกาหลี เจจูแอร์ (Jeju Air) 


ทำความรู้จักเจจูแอร์อย่างแรก เท่าที่สำรวจ สายการบินในเกาหลีมาบ้าง จะเห็นว่าในระดับโลว์คอสแอร์ไลน์ด้วยกันแล้ว สายการบินเจจู (Jeju Air) ค่อนข้างจะมีการจัดโปรโมชั่น และการตลาดค่อนข้างบ่อย และสม่ำเสมอ อีกอย่างมีภาพลักษณ์ที่ดีมาก มีพรีเซนเตอร์เป็นนักร้องเกาหลีชื่อ ลีมินโฮ ทำให้สายการบินนี้ดูน่ารักมากๆทีเดียวครับ 


ภาพ : เคาเตอร์เช็คอินของสายการบินเจจูที่สนามบินสุวรรณภูมิ

เรื่องการจองเดี๋ยวจะว่ากันในตอนท้ายก็แล้วกันนะครับ ว่าจองยังไง แค่วิธีจองนี้ก็มีอะไรน่าสนใจมากทีเดียว แต่เอาใจคนใจร้อนก่อน คงอยากเห็นเครื่องบินกันแล้ว ว่าหน้าตาเป็นยังไง มีอะไรสะดุดตากันบ้าง จากประสบการณ์ในการเดินทางด้วยเจจูแอร์ของผม …จะเป็นอย่างไรเดินทางไปพร้อมกันเลยครับ 

เที่ยวบินของผม ประมาณ ตี1 ครับ แต่จะไปถึงเกาหลีประมาณ 9โมงเช้า เวลากำลังพอดีๆ คนส่วนใหญ่ที่ใช้บริการก็เป็นชาวเกาหลีครับ ที่สังเกตุ หิ้วถุงกอล์ฟมากันแทบทุกคน ชาวเกาหลีคงเดินทางมาเล่นกอล์ฟกันที่เมืองไทยกันเยอะ ถุงกอล์ฟใหญ่ๆกันทั้งนั้นเลยครับ มีเที่ยวกลับไทยที่ผมเจอคนไทยหลายคนทีเดียวที่เดินทางกลับด้วยสายการบินนี้ 


ภาพ : ชาวเกาหลีนิยมเดินทางด้วยสายการบินเจจูมากทีเดียวครับ 

สำหรับกระเป๋าที่นำขึ้นเครื่องได้คือ 10กิโลกรัมและกระเป๋าที่โหลดได้ฟรีคือ 15 กิโลกรัมครับ สำหรับที่นั่งและสัมภาระเราสามารถซื้อออฟชั่นได้อีกนะครับ ถ้าใครสนใจ เป็นบริการเสริมที่ผมชอบมากเลยละครับ Purchased Block Seat คือเราสามารถเลือกที่จะบล๊อคที่นั่งข้างเราไว้ได้1เก้าอี้เพื่อไม่ให้มีใครมานั่ง จะเป็นทางซ้ายหรือขวาของที่นั่งเราก็แล้วแต่จะเลือก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ถูกว่าการซื้อ2เก้าอี้แน่นอนครับ ส่วนการเลือกที่นั่งก็สามารถเลือกได้นะครับมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน 


ภาพ : กระเป๋าผมแค่8กิโลกรัมเท่านั้น เขาให้โหลดได้ 15 กิโลกรัม เพื่อน้ำหนักขากลับไว้ช้อปปิ้งครับ 

เที่ยวบินของเราเดินทางตรงจาก สุวรรณภูมิ ไปยัง สนามบินอินชอนเกาหลีใต้ ออกจากเมืองไทยเวลาประมาณ 1.50น. ก็จะไปถึงเกาหลีประมาณ 9โมงเช้าพอดี (ต้องนับว่าเวลาเกาหลีต่างจากไทยอยู่ 2ชั่วโมงด้วยนะครับ) 

เครื่องบินที่นั่งมาจะมีที่นั่งแยกเป็นสองด้าน ด้านละ 3เก้าอี้ครับ ผมเลือกที่นั่งติดหน้าต่างไว้ เพราะอยากเห็นวิวในเครื่องบินได้ทั้งลำ แล้วถ้ามองออกไปนอกหน้าต่างตอนกลางคืนหวังว่าจะได้มองเห็นดาวกับเขาบ้าง และก็เลือกที่นั่งด้านหลังๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ชอบนั่งด้านหน้ามากกว่า ที่นั่งด้านหลังจึงถูกกว่า ที่ว่าด้านหน้าหรือด้านหลังนั้นเขาแบ่งแยกโดย ส่วนกลางเครื่องที่มีประตูฉุกเฉินติดตั้งอยู่ 


ภาพ : เครื่องบินเจจูแอร์


ภาพ : ในเครื่องบินเจจูแอร์ เส้นทาง สนามบินสุวรรณภูมิ ไป สนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ จะเห็นว่าที่นั่งแบ่งเป็นสองด้าน ซ้าย-ขวา ด้านละ 3เก้าอี้ตลอดลำ มีที่เก็บสัมภาระด้านบน


ภาพ : ผมลือกนั่งท้ายๆของเครื่องเพราะอยากมองเห็นบรรยากาศทั้งลำของเครื่องบินครับ 


ภาพ : เก้าอี้นั่งบนเครื่องบินเจจูแอร์ 


ภาพ : ที่รองหัวบนเก้าอี้มีโลโก้น่ารักของเจจูแอร์


ภาพ : ที่วางอาหารและหนังสือ


ภาพ : นั่งได้สบายครับ หลับยาวไปถึงเกาหลี

สำหรับเบาะเก้าอี้เป็นเบาะผ้า มีที่หนุนหัวที่ตัวเก้าอี้ รองด้วยผ้าโลโก้เจจูแอร์ มีที่วางอาหารและหนังสือที่เบาะเก้าอี้ด้านหน้า ถ้าจะถามว่านั่งแล้วสบายมั๊ย มันก็เหมือนโลคอร์สแอร์ไลน์โดยทั่วไปนะครับผมว่า ผมสูง 178 เซนติเมตร เวลานั่งเขาก็ไม่ได้ชิดอะไรมากมาย เวลานอนเก้าอี้ปรับไม่ได้มากนักปกติผมก็นอนมันทั่งอย่างนั้นละครับจนชินซะละ แต่มีอย่างนึ่งครับในการจองที่นั่งสำหรับคนที่กังวลเรื่องเกาอี้ เจจูแอร์เขามีบริการเสริมอย่างการล๊อคที่นั่งด้วยนะครับอย่างที่กล่าวไปบ้างแล้ว จะล๊อคไว้นอนเลยก็มีนะครับสำหรับคนที่เดินทางคนเดียว อันนี้เห็นบริการเสริมในเว็บของ เจจูแอร์ กันที่นั่งไว้ให้ เรียกว่า Purchased Block Seat  แต่ราคาจะถูกกว่าซื้อที่นั่ง3ตัวแน่ๆ จ่ายเงินเพิ่มอีกนิดหน่อยก็นอนกันไปเลย เหมาะกับคนที่มาคนเดียวแล้วมีปัญหา เรื่องการนอนหลับบนเก้าอี้ หรือ คนที่มาเป็นคู่รัก ไม่อยากให้ใครมานั่งใกล้ มากันเป็นครอบครัวอะไรแบบนี้เหมาะมากเลยครับ ผมลงลิงค์ไว้ให้เพื่อใครจะเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.jejuair.net/jejuair/serviceinfo/additional/sideseat.jsp

สำหรับเรื่องอาหารบนเครื่องบิน เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ ยิ่งคนชอบอาหารเกาหลีคงจะชอบ มาเริ่มสัมผัสวัฒนธรรมเกาหลีอย่างแรกด้วยการกินอาหารบนเครื่องบินนี้ละครับ ซึ่งบนเครื่องบินเจจูแอร์ เขาจะมีบริการ Air Cafe เป็นบริการ อาหาร เครื่องดื่ม และขนมคบเคี้ยวให้กินกันได้ตลอดทาง ซึ่งได้รับความนิยมจากชาวเกาหลีเป็นอย่างมาก เท่าที่สังเกตุเห็นคนเกาหลีซื้อกินบนเครื่องเยอะครับ หยิบเมนูที่เสียบไว้ที่หน้าที่นั่งมาชม ราคาที่เราเห็นนี้เป็นราคาเดียวกับที่ขายในเกาหลีทั่วๆไปเลยละครับ มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี, บีบิมบับกึ่งสำเร็จรูป (ข้าวยำเกาหลี) ด้วยนะครับ หรือจะเลือกที่จะสั่งอาหารไว้กินบนเครื่องล่วงหน้าด้วยเมนูพิเศษก็มี อันนี้จองกันในเว็บได้เลย มีอาหารหลากหลายให้เลือก 


ภาพ : บริการ Air Cafe บนเครื่องบินเจจูแอร์


ภาพ : ด้านในมีเมนูทานเล่นหลายรายการให้เลือก 


ภาพ : ลองกินอาหารเกาหลียอดฮิตอย่าง บีบิมบับ(ข้าวยำเกาหลี) ก็มีขายด้วยครับ


ภาพ : แอร์โฮสเตสให้บริการอาหารเครื่องดื่มบนเครื่องบิน 


ภาพ : การจ่ายเงิน เราสามารถใช้เงินสด หรือ เครดิตการ์ดก็ได้นะครับสะดวกมาก

ยังมีพวกสินค้าที่ระลึกของเจจูแอร์จำหน่ายด้วยนะครับ น่ารักๆ อย่างเครื่องบินกระดาษเจจูแอร์  แบบเป่าลมก็มี พวงกุญแจก็น่ารัก มีราคาตั๋วรถเข้าเมืองในราคาพิเศษด้วยนะครับ 


ภาพ : มีของที่ระลึกจำหน่ายด้วย

แล้วผมก็หลับยาวไปถึงสนามบินอินชอนเลยละครับ ตั้งใจว่าจะตื่นมาถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าบนเครื่องบินสักหน่อย วางแผนมาดิบดีเลือกนั่งฝั่งขวาไว้เพราะเป็นทิศตะวันออก ดันตื่นสายตื่นมาก็แสงจ้าแล้วซิครับ  อดเลย ไว้คราวหน้าจะถ่ายมาให้ชมกันนะครับ มองนอกหน้าต่างเจอ เจจูแอร์ยิ้มให้ซะแล้ว มองที่ปีกเครื่องบินมีรูปโลโก้เจจูแอร์ เหมือนหน้าคนยิ้มให้น่ารักเชียว


ภาพ : มองไปนอกหน้าต่าง เหมือนมีคนยิ้มให้ โลโก้เจจูแอร์

พูดถึงความน่ารัก ต้องขอบอกความประทับใจเลยว่า แอร์โฮสเตทของสายการบินเจจูแอร์บริการได้น่าประทับใจมาก อีกความสุภาพเรียบร้อยยกให้เลยครับ การแต่งตัวก็เรียบร้อย รวบผมสะอาดเรียบร้อยน่ารักทีเดียว 


ภาพ : การบริการบนเครื่องบินของ สาวๆแอร์โฮสเตส เจจูแอร์


ภาพ : ชอบที่พวกเธอแต่งตัวดูดี และรวบผมทุกคนยิ่งทำให้ดูสะอาดเรียบร้อย ดูดีมากๆ


ภาพ : ถ่ายภาพการขนกระเป๋าลงจากเครื่องที่สนามบินอินชอนประเทศเกาหลีใต้มาให้ชมกันด้วย พอดีนั่งตรงที่รถขนกระเป๋ามาพอดี


ภาพ : เจจูแอร์บริการจากไทย 3เส้นทาง ไปเกาหลีใต้ และเข้ายังบินจากเกาหลีไปยังประเทศต่างๆอีกหลายประเทศ

สำหรับการจองเที่ยวบินของสายการบินเจจู สามารถจองผ่านหน้าเว็บ www.jejuair.net หรือจะเข้าจองที่ออฟฟิศในกรุงเทพฯก็ได้นะครับ เขามีออฟฟิศอยู่ที่อาคารสิรินรัตน์ ชั้น3 ถนนพระราม 4 เยื้องๆกับช่อง3 นั้นละครับ ตอนนี้มี 3เส้นทาง คือ  กรุงเทพ -อินชอน(Incheon), ปูซาน(Busan), แทกู(Daegu) เรื่องราคาลองจองที่หน้าเว็บได้เลยครับ ส่วนพวกโปรโมชั่นราคาพิเศษต่างๆแนะนำให้ เข้าไปกดไลค์หน้าเพจเฟซบุ๊คของเจจูแอร์ไว้ จะเห็นเขามีออกมาเรื่อยๆ ถูกๆทั้งนั้น ที่ www.facebook.com/jejuairbkk


ภาพ : หน้าเว็บเจจูแอร์

ใครสนใจเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ที่เว็บไซต์ของเจจูแอร์  www.jejuair.net หรือ โทร. 02 367 5296-99 อีเมล์: jejuair.bkk@gmail.com, เฟสบุ๊ค www.facebook.com/jejuairbkk


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://korea-guides.blogspot.com/2012/04/jeju-air.html

10 เคล็ดลับจองตั๋วเครื่องบินกี่ครั้งๆ ก็ยังจ่ายราคาถูก


GoBear
สนับสนุนเนื้อหา

หากเพื่อนๆคิดจะไปเที่ยวที่ไหนซักที่ ให้วางแผนล่วงหน้าก่อนวันเดินทางให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รู้ไหมครับว่าแต่ละสายการบินเขาออกตั๋วไว้เตรียมขายล่วงหน้าตั้งแต่ 11 เดือนที่แล้วนู่นแน่ะ แนะนำให้เพื่อนๆเริ่มดูตั๋วกันได้เลย และเข้าไปเช็คบ่อยๆซักอาทิตย์ละครั้ง พอเจอดีลในราคาที่ใช่จะได้กดจองทัน หากไปจองเอาใกล้ๆก็อาจจะโชคดีได้ดีลนาทีสุดท้าย แต่ก็ไม่การันตีนะครับว่าดีลจะยังเหลือให้เพื่อนๆได้จองจริงๆ
2. เลือกเวลาซื้อตั๋วก่อนวันบินประมาณ 7-12 สัปดาห์
มีการศึกษาโดย CheapAir ที่วิจัยการค้นหาเที่ยวบินกว่า 560 ล้านเที่ยวพบว่า หากจะจองตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ ให้จองล่วงหน้าอย่างต่ำ 7 สัปดาห์ และอย่างต่ำ 11 สัปดาห์ล่วงหน้าสำหรับตั๋วเที่ยวบินระหว่างประเทศ และตั๋วจะเริ่มแพงมากๆหากเพื่อนๆจองล่วงหน้าเพียง 14 วัน และหากจองล่วงหน้านานเกินไปหรือมากกว่า 5 เดือนขึ้นไป ราคาตั๋วก็จะยังไม่ใช่ราคาที่ถูกที่สุดครับ ส่วนเรื่องให้จองตั๋วในวันอังคารหรือวันพุธเพื่อให้ได้ราคาถูกที่สุด นั่นก็เป็นแค่ความเชื่อเท่านั้นครับ
3. เลือกวันเวลาของเที่ยวบินให้ดี
เป็นที่เห็นพ้องต้องกันว่า หากเพื่อนๆเลือกจองเที่ยวบินที่ออกบินในวันอังคาร วันพุธ หรือวันเสาร์ เพื่อนๆจะได้ตั๋วราคาถูกกว่าการจองวันอื่นๆ เพราะเป็นวันมีที่นั่งเหลือมาก และไม่ควรจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวบินวันศุกร์หรือวันอาทิตย์ เพราะจะแพงที่สุดครับ นอกจากนี้ หากเพื่อนๆจองเที่ยวบินที่เวลาบินไม่ใช่เวลาปกติ เช่น ไฟลท์ดึกหรือไฟลท์เช้ามืด ก็จะได้ดีลราคาดีที่สุดเช่นกันครับ
4. เปลี่ยนวิธีการจ่ายเงิน
หากเพื่อนๆใช้บัตรเครดิตในการจ่ายเงินจองตั๋วเครื่องบิน ก็มักจะมีการหักค่าธรรมเนียมเข้าไปด้วย นั่นทำให้ราคาตั๋วสูงขึ้นไปอีก ดังนั้นหากลองเลี่ยงการจ่ายด้วยบัตรเครดิต ก็จะลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ครับ อย่างไรก็ดี หากเป็นการจองเที่ยวบินระหว่างประเทศ การใช้บัตรเครดิตที่ร่วมรายการก็อาจได้ประโยชน์เพราะทำให้เพื่อนๆสามารถสะสมแต้มแลกไมล์บินได้นั่นเอง
5. หาเที่ยวบินที่มุ่งหน้าไปสนามบินทางเลือก
หากจะจองตั๋วเครื่องบินไปยังเมืองใดเมืองหนึ่ง ลองเช็คดูครับเผื่อว่าจะมีสนามบินอีกแห่งในเมืองเดียวกัน ลองเช็คราคาของทั้งสองจุดหมายแล้วซื้อตั๋วไปยังจุดหมายที่ราคาถูกที่สุด แต่ต้องวางแผนค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าเมืองให้ดีนะครับ เพราะบางทีบวกค่ารถบัสไปแล้ว เอาไปซื้อตั๋วไปสนามบินหลักอาจจะถูกกว่า
6. จองโดยใช้หลายๆสายการบิน
ลองเปรียบเทียบราคาในหลายๆสายการบิน โดยมิกซ์แอนด์แมตช์ตัวเลือกที่ถูกที่สุด เช่นขาไปไปกับสายการบินหนึ่ง ขากลับอาจไปกับอีกสายการบินหนึ่ง ก็ทำให้สามารถจองตั๋วเครื่องบินที่ราคาถูกลงได้ครับ
7. หลีกเลี่ยงเดินทางช่วงวันหยุด
หากเป็นช่วงก่อนหรือหลังช่วงวันหยุดประมาณ 7 วัน ให้หลีกเลี่ยงการจองตั๋วเครื่องบินช่วงนี้ครับ แน่นอนว่าทั้งคนแน่นและตั๋วจะมีราคาแพง นี่รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปด้วย โดยหาก ณ ขณะนั้นเป็นช่วง high season ราคาตั๋วก็จะแพงขึ้นนั่นเองครับ
8. ยิ่งรอต่อเครื่องนาน ยิ่งถูก
หากเพื่อนๆอดใจรอไหวเพื่อให้ได้ตั๋วที่ถูก แนะนำให้จองตั๋วเครื่องบินที่ใช้ระยะเวลาต่อเครื่องที่นานขึ้น ก็จะได้ราคาตั๋วที่ถูกลงครับ
9. ประหยัดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเข้าไว้
บางสายการบินจะมีการเก็บค่าบริการเพิ่มเติมหากเพื่อนๆต้องโหลดกระเป๋าหรือถือกระเป๋าสองใบ ให้ลองจัดสัมภาระในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ให้กระเป๋ามีขนาดใหญ่เกินไป หรือเลือกใช้สายการบินที่ไม่เสียค่าธรรมเนียมโหลดกระเป๋าก็จะลดค่าใช้จ่ายได้ครับ
10. ลบข้อมูล cookies/history ในเครื่องคอม
บางเว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบินจะเก็บข้อมูลการค้นหาตั๋วเครื่องบินของเพื่อนๆไว้ ทำให้เมื่อสนใจกลับมาค้นหาซ้ำสอง ราคาตั๋วก็จะเพิ่มขึ้น จึงแนะนำให้ก่อนค้นหาเที่ยวบิน ลองลบข้อมูล cookie ทิ้ง หรือเปิดเบราเซอร์ให้อยู่ในโหมด incognito แทนครับ
10-saving-ticket-plane
หวังว่าเรื่องราวดีๆที่นำมาฝากเพื่อนๆวันนี้จะทำให้เพื่อนๆสามารถเที่ยวได้อย่างสบายกระเป๋า หมดกังวลเรื่องงบเที่ยวไปอีกเปลาะนะครับ จะให้สบายใจยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนเดินทางก็อย่าลืมเช็คประกันเดินทางติดตัวไปด้วย ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินให้เพื่อนๆได้อีกเยอะเลยครับ

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2562

2 แม่ลูกวางแผนเที่ยวเกาหลี.."ตะลุยโซล" (ครั้งแรก) ep. 2 เที่ยวช่วงไหนถึงสวย! คุ้มสุด!


ep. 2 : ) เกาหลี โซล เที่ยวช่วงไหน..สวย ! คุ้มสุด !

ก่อนจะไปเที่ยวเกาหลี เราก็ควรหาข้อมูลฤดูกาลต่างๆ ของประเทศนี้ก่อน
เพื่อวางแผนกำหนดวันท่องเที่ยว ที่ตรงกับความต้องการของเรา ทั้งเรื่องสถานที่เที่ยว
อากาศตอนที่จะเดินทางไป การเตรียมซื้อผ้า-ของใช้ส่วนตัว การจัดกระเป๋าเดินทาง
รวมถึงคำนึงถึงเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ด้วย

ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่นิยมไปเที่ยวเกาหลี อยู่ในช่วงวัยรุ่น - วัยกำลังเริ่มทำงาน 
ชื่นชอบอาหารเกาหลี ชอบดูซีรีย์เกาหลี จึงต้องการที่จะไปตามรอยศิลปิน อาหาร และ
สิ่งที่เราชื่นชอบให้ได้ในครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ด้วยความจำกัดในด้านการเงิน จึงต้อง
เก็บเงินก่อน พร้อมค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวในประเทศเกาหลี เพื่อการวางแผนที่ดี

สิ่งที่สำคัญในการท่องเที่ยว ช่วงทริปวันท่องเที่ยวของเรา ถ้าจะให้คุ้มค่า คุ้มเวลา
ต้องไปในช่วงที่สวยของเกาหลี นั่นเอง ! ได้ค้นหาข้อมูลหลายบทความ หลายสำนักที่
นำข้อมูลรายละเอียด ข้อแนะนำต่างๆ มาเผยแพร่และแบ่งปันกันในเวปต่างๆ มากมาย
พอจะนำมาสรุป ! สั้น ๆ ง่าย ๆ สำหรับ " ช่วงบรรยากาศสวยงามของเกาหลี " 

@ เดือนเมษายน 
เป็นฤดูใบไม้ผลิ เพื่อไปชื่นชมความสวยงามของดอกซากุระ 

@ เริ่มสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตุลาคม <-- > สัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน 
ฤดูใบไม่ร่วง ชมใบไม้เปลี่ยนสี ท้องฟ้าสวยใส ถ่ายรูปได้สวยสุดๆ

@ เดือนธันวาคม - มกราคม - กุมภาพันธ์ 
เป็นฤดูหนาว ไปดูหิมะ เล่นสกี พักรีสอร์ท เน้นสวยธรรมชาติ อากาศหนาวเย็น โรแมนติค



เกาหลีมี 4 ฤดูกาล ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของสภาพอากาศ และบรรยากาศของการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นก่อนเดินทางไป ทัวร์เกาหลี เราควรรู้ก่อนว่าช่วงที่ไปนั้นอยู่ในฤดูอะไร สภาพอากาศแบบไหน เพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย รวมถึงเสื้อผ้าเครื่องแต่งการ เพื่อให้ท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุขสุดๆ
ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) : เริ่มประมาณต้นเดือนมีนาคม – พฤษภาคม
ถ้าถามว่า เที่ยวเกาหลี ฤดูไหนดี สำหรับคนชอบเที่ยวช่วงที่มีสีสัน มีดอกไม้บาน ฤดูใบไม้ผลิ คือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะอากาศในช่วงนี้จะเย็นสบาย ไม่หนาวจัด ต้นไม้จะผลิใบสะพรั่ง อีกทั้งในเดือนเมษายนจะมี ดอกพ็อดกด หรือ ซากุระ เกาหลี ที่จะเริ่มบานเต็มต้น ทั้งนี้ดอกซากุระจะบานตามสภาพอากาศ ซึ่งจะบานไม่เกิน 2 สัปดาห์ก็จะร่วงหมด และในฤดูนี้สตรอเบอร์รี่ยังมีราคาถูกกว่าฤดูอื่นๆ อีกด้วย

ฤดูร้อน (Summer) : เริ่มประมาณเดือนมิถุนายน – ต้นเดือนกันยายน

หน้าร้อนของเกาหลีอากาศร้อนระอุเหมือนอยู่เมืองไทยเลยทีเดียว อุณหภูมิเฉลี่ย 22°C ถึง 38°C องศา (ในช่วงที่ร้อนจัด) และอาจมีฝนตกบ้างในบางวัน ช่วงกลางเดือนกรกฏาคมถึงกลางเดือนสิงหาคมคือช่วงที่ร้อนที่สุดของปี ด้วยสภาพอากาศแบบนี้ หลายคนอาจจะไม่อยากไป เที่ยวเกาหลี หน้าร้อน ใช่มั้ยคะ แต่บอกเลยว่าหน้าร้อนที่เกาหลีก็มีข้อดีเยอะเหมือนกัน เพราะโดยเฉลี่ยราคา ทัวร์เกาหลี ห้องพัก ตั๋วเดินทางต่างๆ จะมีราคาถูกลงในช่วงนี้ ไปเที่ยวจัดเต็มได้ในราคาไม่แพงเลยค่ะ แถมหน้าร้อนยังสามารถทำกิจกรรมสนุกๆ ได้มากมายอีกด้วย

ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) : เริ่มประมาณปลายเดือนกันยายน – พฤศจิกายน

ฤดูนี้ถือเป็นฤดูที่สวยงามที่สุดสำหรับเกาหลีเลยก็ว่าได้ และยังเป็นช่วงที่คนนิยมไปท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะนอกจากอากาศจะสดชื่น เย็นสบาย อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10-20 องศา ยังมีโอกาสได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง สีแดงเต็มต้น คนเกาหลีจะนิยมไปเที่ยวกันที่ภูเขาแนจังชัน แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดชอลลาบุกโด เพราะทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยงามเป็นพิเศษ ไปเที่ยวเกาหลี ใบไม้เปลี่ยนสี สักครั้งแล้วคุณจะหลงรักฤดูนี้

ฤดูหนาว (Winter) : เริ่มประมาณเดือนธันวาคม – กลางเดือนมีนาคม

เชื่อว่าหลายคนคงอยากไปช่วงฤดูหนาว เพราะเคยเห็นบรรยากาศแสนจะโรแมนติกมาจากในซีรีส์เกาหลีแน่ๆ สำหรับฤดูหนาวเป็นช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิเฉลี่ย  -5°C ถึง 20°C องศา ช่วงนี้เหมาะกับการเล่นสกีหิมะ โดยที่ สกีรีสอร์ทเกาหลี หลายแห่งจะเปิดให้บริการ ใครชอบสัมผัสอากาศเย็นๆ และหิมะสีขาว ไปเที่ยวช่วงมกราคมและกุมภาพันธ์รับรองว่าไม่ผิดหวัง
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก www.govivigo.com และ www.facebook.com/mushroomtravel/

วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2562

2 แม่ลูก @วางแผนเที่ยวเอง "ตะลุยโซล" ครั้งแรกในชีวิต ! ep.1 ทำแบบทดสอบหาที่พักที่เหมาะสมกับคุณในโซล


<<เริ่มต้น>>
สำหรับการวางแผนเที่ยวเอง "ตะลุยโซล" ครั้งแรกในชีวิต
ep. 1. ทำแบบทดสอบหาที่พักที่เหมาะสมกับคุณในโซล

ในภาพอาจจะมี ข้อความ และสถานที่กลางแจ้ง

@ สิ่งที่ควรต้องรู้ ! ไลฟ์สไตล์ของคุณ
คุณมีความชอบและความต้องการเที่ยวแบบไหน?

คุณชอบและมีความต้องการอะไรบ้าง?...ในการเดินทางไปท่องเที่ยวทริปนี้
คุณเป็นสายเที่ยวแบบใด !?  #ช้อปปิ้ง  #สายเช็คอิน  #สายติ่งเกาหลี 
เมื่อมีคำตอบแน่นอนแล้ว คุณก็จะสามารถเลือกที่พักย่านไหนได้ดีตรงใจ
และการเดินทางไปที่ใดบ้างตามที่คุณอยากจะไป ถึงจะสะดวกสบายที่สุด
ช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้ของคุณสนุก มีความสุขและคุ้มค่า !

ในบทความตอนแรก ep.1 จึงแนะนำแบบทดสอบ 5 ข้อ มาสอบถามกันสนุกๆ
ในเบื้องต้นนี้..จะรู้ว่าคุณนั้นเหมาะที่จะพักในย่านไหนของโซลกันค่ะ 
ผู้เขียนบล็อก ได้ลองทำแบบทดสอบนี้แล้ว ปรากฎว่ามักจะลังเลกับคำตอบ
A กับ B พอสรุปคำตอบออกมาเป็น A พักย่านฮงแด ย่านวัยรุ่นสุดฮิต มีผับ บาร์
แต่ด้วยวัยกับความชอบไม่สอดคล้องกัน คิดว่าคงจะสู้ไม่ไหวกับเสียงดังในย่านนี้
ก็อาจจะเลี่ยงไปพักในย่าน “Yeonnamdong – ยอนนัมดง”  ที่อยู่ใกล้ๆ ฮงแด

แต่สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอีกอย่างก็คือ ที่พักนั้นต้องสะดวกกับการเดินทาง 
ชอบพาหนะเดินทางแบบไหน? โดย...รถบัสสนามบิน / รถไฟฟ้า / รถแท็กซี่ 
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเดินทางไป-กลับ สนามบินอินชอน ต้องสะดวกเป็นสิ่งแรก !
พาหนะนั้นต้องใช้เวลาเดินทางไว ไม่ยุ่งยาก ราคาค่าโดยสารจ่ายได้สบายๆ


ขอบคุณข้อมูลจาก https://japaikorea.com/accommodation-in-seoul-test/

พักไหนดี ที่เกาหลี

วางแผนจะไปเกาหลีอยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะจองที่พักในเกาหลีย่านไหนดีใช่ไหม? วันนี้เรามีแบบทดสอบสนุกๆ มาให้คุณลองทำกัน จะได้ค้นพบว่าย่านไหนที่เหมาะสมที่สุดในการไปเที่ยวเกาหลีของคุณในครั้งนี้ ! ไม่ว่าคุณจะเป็น #สายช้อป #สายกิน #สายเช็คอิน #สายส่องอปป้า รับรองจะได้คำตอบแน่นอนว่าพักย่านไหนถึงจะสนุกและสะดวกที่สุด ไปเริ่มกันเลยดีกว่า!!

แบบทดสอบค้นหาที่พักที่เหมาะกับคุณที่สุด

ข้อ 1. เป้าหมายหลักของการเที่ยวเกาหลีในครั้งนี้ของคุณคือ…

A) PARTYYYY! Soju is my life, Music is my day! บอกเลยว่านอนเช้าตื่นค่ำแน่นอน เพราะมาเพื่อตี้ล้วนๆจ้าาา ราตรีนี้ยังอีกแสนไกล..
B) SHOPPING สิคะ มาเกาหลีทั้งที ของมันต้องมีให้ครบ ไหนจะเครื่องสำอาง อีทูดี้ อินนิสฟรี สกินฟู้ด! เสื้อผ้าแฟชั่นเคป๊อปทั้งหลาย ต้องขนกลับไปให้หมดจ้า
C) ส่องดารา ตามหาอปป้าไอดอล People – Watching กันให้เหนื่อยให้เมื่อยตากันไปเล้ย

ข้อ 2. ใครไปเที่ยวในทริปนี้กับคุณบ้าง??

A) เดอะแก๊ง เพื่อนสาว เพื่อนชะนี ไปทั้งทีเอาให้ครบทั้งกลุ่ม
B) ครอบครัว
C) ฉายเดี่ยว! หรือไม่ก็ควงแขนไปกับเพื่อนอีกคนสองคน ไม่ก็กับพี่หรือน้อง คนไม่เยอะหรอก

ข้อ 3. ร้านอาหาร-ร้านกาแฟ ดังต่อไปนี้ ร้านใดดูเป็นสไตล์ของคุณมากที่สุด?

A)
B)
ที่พัก เมียงดง
C)

ที่พัก กังนัม

ข้อ 4. สถานที่ท่องเที่ยวแบบไหนที่คุณชอบ?

A) ย่านมหา’ลัย นักศึกษา วัยรุ่นเยอะๆ ฟินสุดๆ รู้สึก local ม๊ากมาก
B) ห้างเยอะๆ มีร้านให้ช้อปแบบจัดเต็ม อารมณ์แบบสยามหรือชินจูกุ มีนักท่องเที่ยวดูคึกคัก
C) ตึกเยอะๆ ย่านธุรกิจใจกลางเมือง มีความ modern city แบบสุดๆ

ข้อ 5. สไตล์การท่องเที่ยวแบบไหนที่เป็นตัวคุณแบบที่ซู้ด!?

A) เน้น กิน! กิน!! กิน!!! แล้วก็กิน เพราะฉันคือ ราชินีม๊อกบัง
B) เดินเก่งงงงง ชอบดูของ ชอบจับจ่าย
C) เน้นถ่ายรูป แต่งตัวสวยๆ แล้วก็เดินแบบชิคๆ ลงรูปในไอจีให้ดูแบบว่าเกาหลีสุดซู้ด
เอาล่ะ! ลองมานับคำตอบของคุณกันดูซิว่า คุณน่าจะเหมาะกับพักในย่านไหนของกรุงโซลมากที่สุด เตรียมตัวให้พร้อม เช็คคำตอบกันเล้ย!!

หากคุณตอบ A มากที่สุด…เราว่าคุณน่าจะชอบและเหมาะที่จะพักแถว “ย่านฮงแด (Hongdae – Hongik University)

WELCOME!! ขอต้อนรับสู่ย่าน “ฮงแด” ย่านวัยรุ่นสุดฮิตของหนุ่มสาวเกาหลี รู้นะว่าคุณเป็นวัยรุ่นไฟแรง อยากเห็นสีสัน แสงสี สไตล์โคเรียแบบหาจากที่อื่นไม่ได้ เพราะที่นี่แหละคือย่าน Hang out ของเหล่านักเรียน นักศึกษา ชาวเกาหลีใต้ทุกคนเลยก็ว่าได้ ยิ่งเวลาคืนวันศุกร์หรือคืนวันเสาร์ บอกได้เลยว่าสถานีรถใต้ดินแทบจะแตกเลยทีเดียว แต่ไม่ต้องห่วงไป หากคุณพักในย่านนี้ จะสะดวกสุดๆ แน่นอน เพราะสามารถเดินไปร้านอาหาร ผับ คลับ หรือสถานบันเทิงที่ใกล้เคียงได้ และถ้าหากคุณกังวลว่าย่านนี้อาจจะดูเสียงดังโครมครามเกิน ก็ลองเช็คที่พักในย่านข้างๆ ใกล้ๆ นี้ได้เลย นั่นคือย่าน “Yeonnamdong – ยอนนัมดง” ไม่ไกลไปจากฮงแดเลย ข้อดีของการพักในละแวกนี้คือคุณสามารถพบกับร้านกาแฟ ร้านอาหารแบบฮิปสเตอร์สุดๆ เรียกได้ว่าเป็น hidden gems ของเกาหลี ขนาดวัยรุ่นเกาหลียังชอบมาทานอาหารหรือพบปะกับเพื่อนในร้านกาแฟ แล้วเช็คอินสวยๆ ได้อีกด้วย
และสำหรับร้านอาหาร หรือร้านกาแฟในย่านฮงแดนั้นก็มีมากมาย! สามารถเข้าไปอ่านรีวิวได้เลยตรงนี้

หากคุณตอบ B มากที่สุด เชื่อเลยว่าคุณนั้นจะต้องชอบย่าน “เมียงดง (Myeong Dong)”

ฮั่นแน่! จับได้นะว่าคุณน่ะเป็นสายช้อปตัวยง มาเกาหลีครั้งนี้จะต้องกวาดไปให้ครบทุกแบรนด์ เพราะเครื่องสำอางเกาหลีนั้นทั้งถูกและดี มาซื้อที่เกาหลีนี่เองยิ่งถูกกว่าเดิม พร้อมด้วยของแถมมากมาย ย่านที่วิเศษสุดๆ และจะตอบโจทย์ให้กับคุณมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น “เมียงดง” ที่เป็นย่านดังและฮิตที่สุดสำหรับชาวไทย พนักงานในร้านเครื่องสำอางเกือบจะทุกสาขาในเมียงดง (ที่เรียกว่าสาขาในเมียงดงเพราะ…ใน 1 ถนน คุณอาจจะพบกับร้าน ETUDE HOUSE ถึง 3 ร้านเชียวน่ะสิ!) สามารถพูดภาษาไทยกันได้ทั้งนั้น ในร้านอาหารก็เช่นกัน บางทีมีเมนูภาษาไทยเตรียมพร้อม หากคุณมาเที่ยวแบบครอบครัว ทั้งคุณพ่อแม่คุณแม่ พี่ป้าน้าอา ก็จะไม่ลำบากมาก เพราะสามารถหาร้านทานอาหารเป็นหมู่คณะได้ มีร้านกาแฟอย่าง Starbucks และร้านกาแฟของเกาหลีที่เป็นแฟรนไชส์เตรียมบริการครบครัน อ้อ! ที่สำคัญเลยคือการพักย่านนี้สะดวกมาก คุณสามารถเดินไปเที่ยวแลนด์มาร์คสำคัญๆ ของโซลอย่าง N-Seoul Tower ได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สายที่ 2) และสีฟ้า (สายที่ 4) ให้บริการในโซนนี้อีกด้วย สามารถเดินทางไปสถานที่สำคัญอื่นๆ เช่น Hongik University, Gangnam และอีกมากมาย

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ถ้าคุณมีคำตอบ C มากที่สุด เราว่าคุณต้องชอบย่าน กังนัม-ชินซา (Gangnam / Sinsa-dong)

ฟังดูแล้ว เราว่าคุณน่าจะชอบความเจริญแบบในเมือง เปรียบในกรุงเทพฯแล้วก็เหมือนกับย่านสุขุมวิท อโศก ซึ่งเต็มไปด้วยตึกและผู้คน มีความน่าตื่นเต้นแบบ 24/7 เลยทีเดียว ลองหาที่พักในย่านกังนัม (Gangnam Station) ซึ่งเป็นย่านที่แทบทุกคนจะเคยได้ยิน ด้วยความดังและเป็นไอคอนของเพลง Gangnam Style ที่ย่านนี้ คุณจะพบกับชีวิตชาวเมืองของชาวโซลอย่างแท้จริง และย่านนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหารและสถานบันเทิงชื่อดัง พร้อมบริการรถไฟฟ้าใต้ดินหลายสาย ทั้งสายสีเขียว สายสีชมพู รวมไปถึงสายสีเขียวขี้ม้า ซึ่งสามารถพาคุณไปยังเมืองอื่นๆ ได้อย่างสะดวก (รวมถึงสวนสนุก Everland อีกด้วย) อีกย่านหนึ่งที่อยู่ข้างๆคือ Sinsa ซึ่งมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม (สายที่ 3) เป็นเขตซึ่งมีถนนช้อปปิ้งชื่อดังยอดนิยมของชาวไทยคือ Garosugil หรือ กาโรซูกิล ซึ่งคุณสามารถช้อปแบรนด์เนม ช้อปเครื่องสำอาง พร้อมทั้งจิบกาแฟเบาๆ ในร้านเค้กและคาเฟ่ที่มีความเป็นเกาหลีมากที่สุดอย่าง Coffee Smith และ C27 ย่านนี้อาจไม่ได้มีที่พักแบบคับคั่งเมื่อเทียบกับกังนัม แต่ก็สะดวกพอสมควร อ้อ! คุณอาจจะพบกับดาราเกาหลีแบบคาดไม่ถึงก็ได้นะ เพราะย่านนี้มีร้านทำผม ร้านเสริมสวย รวมถึงคลินิกศัลยกรรมชื่อดังอยู่มากเลยทีเดียว!
ลิสต์ร้านอาหารในย่านคังนัม
@ การหาข้อมูลท่องเที่ยว

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2562

พาเดินไปสักการะขอพร *องค์เทพเจ้าพ่อเสือบางแสน* ทางเลียบหาดบางแสน


พาเดินไปสักการะขอพร
*องค์เทพเจ้าพ่อเสือบางแสน*

จุดเริ่มต้นจากที่พักบางแสนรีสอร์ท 
เดินไปทางเลียบหาด ประมาณ 200 เมตร 
สังเกตุป้ายตัวหนังสือแดงซ้ายมือ ก็จะเห็นทางเข้าซอย 
เป็นซอยติดด้านหลังศาลเจ้าพ่อเสือบางแสน ค่ะ


เชิญชมคลิปวิดีโอ















โพสต์แนะนำ