https://wentimpression.blogspot.com/google.com,%20pub-3791389710662192,%20DIRECT,%20f08c47fec0942fa0 แอนนี่สตอรี่ @SabaiStory

หน้าเว็บ

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

2 แม่ลูกวางแผนเที่ยวเกาหลี.."ตะลุยโซล" (ครั้งแรก) ep.4 บินถึงเกาหลีดึก..ออก ตม.มาไม่ทันรถไฟ ทำยังไงดี?

ep. 4 บินถึงเกาหลีดึก..!!
ออก ตม.มาไม่ทันรถไฟ ทำยังไงดี?

ก่อนที่เราจะจองตั๋วเครื่องบิน ! สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงก็คือ เวลาเดินทาง
จากสนามบินต้นทาง -----> ไปถึงสนามบินปลายทาง----->อินชอน
นั้นจะถึงกี่โมง ? ถ้าไฟลท์สายการบินที่เราเดินทางไปถึงเกิน 22.00 น. ต้องคิดเผื่อเวลา
เดินออกมาที่ ตม. เข้าคิวรอตรวจ แล้วเดินไปรอรับกระเป๋าเดินทาง เข้าห้องน้ำทำธุระ
เปลี่ยนเสื้อผ้าไรอีก ก็ต้องใช้เวลากับตรงนี้ประมาณ + 2 ชั่วโมง ก็คงเกือบจะเที่ยงคืน !
 ก็คงไม่ทันเดินทางโดย รถไฟฟ้า ที่คันสุดท้ายเข้าโซล เวลา 23.39 น
เพื่อเดินทางจากสนามบินอินชอน ไปยังโรงแรมที่พักของเราได้ทันอย่างแน่นอน !  
ถ้าเราไม่มีงบฯเพียงพอที่จะนั่งแท็กซี่ ทางเลือกสุดท้ายก็คือ "เดินทางโดยรถไนท์บัส"

*นั่งไนท์บัส (Late-night Bus) เข้าโซล*

 รถบัส(กลางคืน) มีรอบตารางเวลาออก ทุกๆ 1 ชม. 
ออกจากสนามบินอินชอน เทอมินอล 1 Terminal 1
ให้บริการตั้งแต่ 00:15 น. ไปจนถึง 04:40 น.

 มีให้ลงเพียง 2 ปลายทางเท่านั้น !  คือไปลงที่ --> สถานีโซล (Seoul Station)

 ให้เตรียมเงินสดให้พอดีสำหรับการจ่าย 9,000 วอน เด็ก 7,000 วอน 
หรือชำระด้วยบัตรโดยสาร (Transportation Card) 

ปลายทางมีแค่ สถานีโซล และ สถานีสถานีขนส่งด่วนคังนัมเท่านั้น 
ดังนั้นจะต้องอาศัยนั่งรถแท็กซี่ต่อไปถึงที่พักต่ออีกรอบ และคนอาจเยอะ
ได้ในบางช่วงเวลา รถมีจำกัดที่นั่ง ถ้าเต็มแล้วคือเต็มเลย ไม่มีตั๋วยืน !

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การ์ตูนเคลื่อนไหวรถบัส
ขอบคุณแหล่งข้อมูลดีๆ จากเวป japaikorea.com

ถึงเกาหลีดึก
มีหลายไฟลท์ หลายเที่ยวบินที่มาถึงเกาหลีเวลาดึก ทำให้เราอาจจะพลาดการรถไฟใต้ดินเที่ยวสุดท้ายที่เข้าโซลได้ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเกิดเราสามารถนั่งรถไฟฟ้าเข้าไปในโซล ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ แต่เมื่อสถานการณ์ที่จำเป็นต้องเลือกไฟลท์ถึงดึกเพื่อแลกกับราคาหรือความสะดวก ก็จำเป็นที่จะต้องศึกษาหาข้อมูลเพื่อให้เราสามารถท่องเที่ยวได้อย่างประหยัดและทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้
เมื่อมาดูเวลารถไฟเที่ยวสุดท้ายจากสนามบินจะพบว่า รถไฟคันสุดท้ายที่เข้าโซล ไปยังสถานีรถไฟ (Seoul station) คือ  23.39 น. 
สรุปสั้นๆ คือ ถ้าไฟลท์ไหนที่ถึงเกาหลีเกิน 4 ทุ่ม (22.00 น.) ก็เตรียมทำใจไว้ได้เลยว่า “ตกรถไฟแน่ๆ”เนื่องจากกว่าจะผ่านตม. (ซึ่งใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 20 นาที – 1 ชม./คน) มารับกระเป๋า รอเพื่อนๆที่ร่วมเดินทาง ใช้เวลารวมๆทั้งหมดก็น่าจะเป็นชม.ๆ ซึ่งไม่ทันกับรถไฟเข้าเมืองขบวนสุดท้าย
รถไฟคันแรก-คันสุดท้ายจากสนามบินอินชอน (Terminal 1)
  • เวลารถไฟคันแรก จากสนามบินอินชอน (Terminal 1) 🠖 สถานีโซล (Seoul station) : 05:25 น. (รถด่วน Express เริ่ม 05:23 น.)
  • เวลารถไฟคันสุดท้าย จากสนามบินอินชอน (Terminal 1) 🠖 สถานีโซล (Seoul station) : 23:39 น. (รถด่วน Express คันสุดท้าย 22:48 น.)

ตัวอย่างเที่ยวบินที่เสี่ยงไม่ทันรถไฟขบวนสุดท้ายเข้าโซล

สายการบิน
ไฟลท์เวลาออก
เวลาถึง 
(เกาหลี)
Air Asia X แอร์เอเชีย เอ็กซ์AirAsia Xจากดอนเมือง (DMK)
XJ702
16:00 น.
23:35 น.
Jeju air เชจู แอร์Jeju Airจากสุวรรณภูมิ (BKK)
7C 2202
14:35 น.
22:15 น.
Jeju air เชจู แอร์Jeju Airจากสุวรรณภูมิ (BKK)
7C 2202
14:35 น.
22:45 น.

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องติดสนามบิน นอนค้างคืน ไปไหนทำอะไรไม่ได้ขนาดนั้น มีอีกหลายทางเลือกให้เราเข้าเมืองได้อย่างสบายใจ

1. นั่งไนท์บัส (Late-night Bus) เข้าโซล

เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวก ค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับที่รับได้ ปลายทางจะมี 2 ที่เท่านั้น คือไปลงที่ สถานีโซล (Seoul Station) และ สถานีขนส่งด่วนคังนัม (Gangnam Bus Express Terminal) ก็แล้วแต่ว่าที่พักของเราใกล้กับสถานีใดต่อไปนี้มากที่สุด ถ้ารู้ว่าคืนแรกดึกแบบนี้ลองวางแผนให้คืนแรก ไปพักใกล้กับ 2 สถานีก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าไกลจากสองสถานีก็แนะนำให้ต่อแท็กซี่ไปจนถึงที่พัก (แท็กซี่เกาหลี รถขนาดกลาง มิเตอร์สตาร์ท 3,000 วอน / ช่วงเวลาดึกเที่ยงคืน-ตี 4 ค่าโดยสารจะแพงขึ้นกว่าระยะทางปกติ 20%) 
รอบรถบัสกลางคืน



* เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โปรดตรวจสอบก่อนเดินทาง ที่เว็บไซต์ Incheon Airport

วิธีการนั่งรถไนท์บัสจากสนามบินอินชอนเข้าสู่ตัวเมือง
  1. ให้เตรียมเงินสดให้พอดีสำหรับการจ่าย 9,000 วอน (เด็ก 7,000 วอน) หรือชำระด้วยบัตรโดยสาร (Transportation Card) บัตรเครดิตอื่นๆไม่สามารถชำระได้ ดังนั้นต้องเตรียมมาให้ดี
  2. จุดขึ้นรถจะอยู่ ประตูทางออก 6A เมื่อออกไปแล้วจะเห็นป้ายจุดขึ้นรถ Late Night Bus (N6000 มุ่งสู่ Gangnam Express Terminal) และ (N6001 มุ่งสู่สถานี Seoul Station)
Late Night Bus Stop Incheon Int'l Airport




ป้าย 6A ของอาคารผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 1 ออกมาจะเห็นกับจุดจอดรถบัสกลางคืน

ข้อดี : รถบัสมีออกทุกๆ 1 ชม. ให้บริการตั้งแต่ 00:15 น. ไปจนถึง 04:40 น., ตัวรถมีที่วางกระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่ (เหมือนกับรถทัวร์บ้านเรา)

ข้อเสีย : 
ปลายทางมีแค่ สถานีโซล และ สถานีสถานีขนส่งด่วนคังนัมเท่านั้น ดังนั้นจะต้องอาศัยนั่งรถแท็กซี่ต่อไปถึงที่พักต่ออีกรอบ, คนอาจจะเยอะได้ในบางช่วงเวลา รถมีจำกัดที่นั่ง ถ้าเต็มแล้วคือเต็มเลย ไม่มีตั๋วยืน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และจุดขึ้น-ลงรถ อย่างละเอียดได้ที่ :https://www.airport.kr/ap_lp/en/tpt/pblctpt/pblctpt1/airlim/airlim.do

2. นั่งแท็กซี่เข้าเมือง

จะเป็นกึ่งเหมา ตามเขต อันนี้ถ้าเดินทางคนเดียวและต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ขอแนะนำเพราะว่าจะเปลืองพอๆกับจองโรงแรมแถวนั้นนอนสักคืนได้เลย



ตารางแสดงราคาแท็กซี่เข้ากรุงโซล ตามเขต (อ้างอิงจาก International Taxi)

แต่ถ้ามีผู้ร่วมเดินทางด้วยไปอย่างน้อยสัก 2-3 คนขึ้นไป ก็จะสามารถหารค่ารถได้ ซึ่งรถแท็กซี่มีหลายประเภทมีทั้ง 1. แท็กซี่ทั่วไป ซึ่งแบ่งเป็น (แท็กซี่ขนาดกลางสีส้ม, แท็กซี่สีดำเป็นแบบ Deluxe ที่ให้บริการพรีเมียมขึ้น และแท็กซี่ขนาดใหญ่ หรือ Jumbo) 2. แท็กซี่สำหรับชาวต่างชาติ เหมือนกับแท็กซี่ในข้อแรก มีรถให้บริการ 3 แบบเช่นกัน แต่ต่างตรงที่ จะมีบริการพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพราะบางทีคนขับแท็กซี่อาจจะไม่สันทัดการใช้ภาษาอังกฤษ ก็จะมีเคาน์เตอร์บริการช่วยเราดูแผนที่และบอกตำแหน่งให้กับคนขับอย่างถูกต้อง ราคาก็จะมีเป็นมาตรฐานเหมารวมเลยแบ่งเป็นตามโซน (ที่เคาน์เตอร์เขาจะคำนวนให้อีกครั้ง) คร่าวๆก็…
ที่พักแถวฮงแด (Hongik Univ.), ชินชน (Sinchon), ม.สตรีอีฮวา (Ewha) = โซน A
ที่พักแถวตลาดทงแดมุน (Dongdaemun), เมียงดง/มยองดง (Myeongdong) = โซน B
ที่พักแถวคังนัม (Gangnam) = โซน C
มั่นใจเดินทางแบบไหน เลือกแบบนั้น แต่ไม่ว่าจะนั่งแบบไหนจุดขึ้นรถจะแตกต่างกัน เรามาดูกันต่อ…
จุดขึ้นแท็กซี่ในสนามบินอินชอน
หากต้องการให้แท็กซี่กดมิเตอร์ปกติ : ออกประตู 7 ข้ามถนนไปอีกเลน จะเป็นกลุ่มผู้ให้บริการแท็กซี่ทั่วไป มีการกดมิเตอร์ตามปกติ โดยอาจจะมีพนักงานให้ความช่วยเหลือจัดคิวให้กับเรา
หากต้องการใช้บริการแท็กซี่สำหรับชาวต่างชาติ : ติดต่อผ่านเคาน์เตอร์ International Taxi อยู่ระหว่างประตูทางออก 4-5 เคาน์เตอร์ 23 (เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง) ออกประตู 4
ข้อดี : อุ่นใจ สามารถเดินทางไปถึงที่พักและเที่ยวตามแพลนในโซลต่อได้เลย
ข้อเสีย : มีค่าใช้จ่ายสูง หากเดินทางคนเดียวไม่มีคนแชร์ด้วย

3. จองโรงแรมแถวสนามบินอินชอน

ถ้ามากับผู้สูงอายุ เด็กๆ ที่ดูท่าจะเหนื่อยกับการเดินทางแล้วเต็มที่ แนะนำว่าจองโรงแรมแถวสนามบินอินชอน ให้พวกเขาสามารถพักผ่อนได้ทันทีน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ให้ได้พักผ่อนแล้วเริ่มต้นเช้าวันใหม่ นั่งรถไฟฟ้าเข้าไปแต่เช้าน่าจะเที่ยวได้เต็มที่กว่า ราคาที่พักที่อยู่ใกล้กับสนามบิน อ้างอิงจากเว็บไซต์จองที่พัก เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณคืนละ 1,200 บาท
ตัวอย่างที่พักที่อยู่ใกล้กับสนามบิน




Crown House IncheonCrown House (ที่มาของรูป Agoda)

Crown House , Incheon Airportel – เป็นตัวอย่างของห้องพักตกคืนละประมาณ 1,200 บาท มีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ใกล้กับที่พัก มีบริการชัตเติลบัสมารับ (แต่ต้องติดต่อเวลากับทางที่พัก) (นั่งแท็กซี่ 2.5 กม./ ประมาณ 3,500 วอน) ส่วนใหญ่ที่พักจะอยู่ในโซนๆเดียวกัน เพราะตรงนั้นเป็นโซนย่านอยู่อาศัยและที่พัก
Best Western Premier Incheon Airport ก็เป็นตัวอย่างโรงแรม ที่เพิ่มเงินขึ้นอีกหน่อย อาจจะได้ห้องที่กว้างขึ้น และบริการที่เป็นระดับโรงแรม
การเดินทางจากสนามบินด้วยแท็กซี่ จะใช้เวลาประมาณ 2.5 กม. ใช้เงินประมาณ 3,500 วอน แต่ยังไงทุกครั้งที่จองให้ลองเช็คบริการจากโรงแรม เผื่อว่าจะมีบริการชัตเติลบัสมารับจากที่พัก
โรงแรมแคปซูล สนามบินอินชอน



โรงแรมแคปซูล สนามบินอินชอน (Terminal 1) ชั้น 1

โรงแรมแคปซูลในสนามบินอินชอน มีบริการของ โรงแรม Darakhyu (ทารักฮยู) ที่ให้บริการห้องพักแบบแคปซูล เปิดบริการ 24 ชั่วโมง อยู่ภายในตัวอาคารสนามบินเลย (ชั้น 1) ก็ทำให้เราสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก และใกล้ไม่ต้องเดินทางมากยิ่งขึ้น โดยราคาพื้นฐานจะเป็นการเข้าพัก 3 ชั่วโมงเท่านั้น ราคาอยู่ในช่วง 7,000-20,000 วอน/ชั่วโมง หากใครต้องการหาที่งีบในเวลาสั้นๆ อยากอาบน้ำ อาจจะเป็นตัวเลือกหนึ่ง
ข้อดี : สะดวก สามารถเดินทางพักผ่อนได้ทันทีข้อเสีย : ห้องพักหากไม่จองล่วงหน้าอาจจะไม่มีห้องหรือราคาของห้องที่แพงขึ้น

ลิงก์รวมที่พักใกล้สนามบินอินชอน (Incheon Int’l Airport) ทั้งหมด

สรุปค่าใช้จ่าย

ตัวเลือก
ค่าใช้จ่าย
เหมาะสำหรับ
นั่งไนท์บัส9,000 วอน (+ ค่าแท็กซี่ถึงที่พักตามระยะทาง)เดินทางคนเดียว – 2 คน
นั่งแท็กซี่ตามระยะทาง (ราคาเหมาเริ่มต้นที่ 55,000 วอน)3 คนขึ้นไป
จองที่พักใกล้สนามบินเริ่มต้นที่ประมาณ 1,200 บาท/คืน + แท็กซี่ไปที่พัก (~ 3,500 วอน)ผู้ที่เดินทางกับผู้สูงอายุ, เด็ก ครอบครัว หรือต้องการพักผ่อนทันทีเมื่อถึงเกาหลี

เอาเป็นว่า งานนี้ก็ “หมดห่วง” แม้ว่าจะต้องถึงเกาหลีดึกแค่ไหน แต่ถ้ารู้ว่าแผนการเดินทางของเราเป็นแบบไหน ก็สามารถเตรียมตัวกันได้อย่างเนิ่นๆ และหายห่วงกับการเดินทางท่องเที่ยวในเกาหลีแม้ว่าจะถึงดึกกันแล้วล่ะ 🙂

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562

2 แม่ลูกวางแผนเที่ยวเกาหลี.."ตะลุยโซล" (ครั้งแรก) ep. 3 ทริค!(บินตรง)จองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูก


ep. 3 
ทริค ! การจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูกสุด !
แบบบินตรง ถึงไว ! สบาย*~~~***ชิลๆ 



ทริปเที่ยวเกาหลี(โซล) ในครั้งนี้เราจะเน้น บินตรง !
จากสนามบินเชียงใหม่ CNX. --> ICN กันเลยทีเดียว !
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ emo เครื่องบิน
ราคานั้นต้องถูก ! สามารถจับต้องได้ทัน ! 
ก็ต้องค้นหาสายการบินที่สามารถเดินทางโดยตรงจากสนามบินใกล้บ้าน
ที่เป็นต้นทางของเรา อาทิเช่น จากสนามบินเชียงใหม่ นั้นมีสายการบินที่เดินทาง
ไปต่างประเทศนั้นมีสายการบินอะไรบ้างนะ? จะเป็นแบบฟูลเซอร์วิส/บริการบนเครื่อง
หรือจะเป็นสายการบินแบบโลว์คอร์ส อย่างไรนั้นก็แล้วแต่จำนวนเงินในกระเป๋าของเรา
แต่ทริปนี้...ขอเน้น ทริป ! เที่ยวแบบถูกและดี เที่ยวกันแบบชิลๆ ชิคๆ 
ไปกันเองได้ไม่ง้อทัวร์อะไรแบบนั้น ! สรุปน่าจะต้องใช้บริการจากสายการบินแบบ
บินตรงโลว์คอร์ส ซะแล้วหละ
 
แล้วก็หากันจนเจอกับ......สายการบินเจจู  (Juju Air)
เป็นสายการบินแบบ Premium Economy Airlines

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การ์ตูนเคลื่อนไหวน่ารักๆ
เข้าไปอ่านรายละเอียดการให้บริการของสายการบินเจจู ซะก่อนนะ..ให้เข้าใจถ่องแท้
ทริปแพลนของเราจะไม่สะดุดปัญหายิบย่อยต่างๆนะ  เราก็พอได้เนื้อหาจำเป็นต้องรู้
เกี่ยวกับสายการบินเจจูนี้มาฝากกัน ....! ไล่ลำดับไปตามความสำคัญก็คือ : )

Jeju Air ใช้เครื่องบินแบบ Boeing 737-800 ที่นั่งแบบ 3-3


@ มีอาหารกล่องเสิร์ฟบนเครื่องบิน / อาจมีขายอาหารบนเครื่อง / เสิร์ฟแค่น้ำดื่ม...
ไม่แน่ใจ!กับที่อ่านเจอในหลายรีวิว!  ดังนั้น ! จึงต้องตามรอยกันไปดูของจริงก่อน...

ในปีล่าสุด 2562 นี้กันก่อนจะมารีวิวการเดินทาง*~~**
โดยเจจูแอร์ ให้ได้ดูชมกันในโอกาสต่อไปข้างหน้าที่จะถึงเร็วๆ นี้....


@ ผ้าห่มบนเครื่องนั้น ! ก็ไม่เห็นใครรีวิวนะว่ามี / ไม่มีอย่างไรบ้าง? 
แต่ก็เผื่อไว้ยามจำเป็นถ้าเดินทางไปในช่วงหน้าหนาว ก็หาผ้าห่ม/ ผ้าคลุมผืนเล็ก
ติดกระเป๋าขึ้นเครื่องไปด้วย เพราะหิ้วกระเป๋า น้ำหนักไม่เกิน 10 กก. ขึ้นเครืองได้

@ น้ำหนักกระเป๋าเดินทาง ที่โหลดใต้เครื่อง ถ้าเราซื้อตั๋วเครื่องบินแบบปกติ จะได้น้ำหนัก
กระเป๋าโหลดใต้เครื่องได้ไม่เกิน 20 กก. และซื้อตั๋วแบบลดราคา ก็จะได้น้ำหนักกระเป๋า
โหลดใต้เครื่อง 15 กก. แต่ถ้าเป็นตั๋วแบบโปรโมชั่นลดแหลก ! นั่น จะไม่มีน้ำหนักระเป๋า
จึงต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มเติม และต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อค่าเลือกที่นั่ง 
ตามบริการ Purchased Block Seat ด้วยนะคะ
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

@ ช่วงเวลาจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูก แบบ"ตั๋วลดราคา" 
ทางสายการบินเจจูแอร์ จะปล่อยตั๋วโดยสารออกมาก่อนการเดินทางของเรา 30 วัน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รีวิวราคาตั๋วบินลดราคา ตั๋วโปร กับ เจจูแอร์ ไปเกาหลี

ราคาค่าตั๋วโปรโมชั่น Super Sale !
ก็มีหลายราคาถูกมากน้อยก็แล้วแต่ช่วงเวลานั้นๆ 
ที่แชร์บทความกันในพันทิป อาทิเช่น....

25 ก.ค. 2561 - วันนี้จะมารีวิวเรื่อง การได้ตั๋วเครื่องบินที่ร้องว้าวมาก ของสายการบิน Jeju Air ช่วงตอนนั้นคือ จะมีการโปรโมท SUPER SALE 1.2.1.7 ใช่ป่ะ ... เครื่องสำอาง เสริมสวย แฟชั่น เครื่องประดับ ลดความอ้วน ... เราสามพี่น้องไปเที่ยวเกาหลีบ่อยมาก สลับกันไปพร้อมกันบ้าง .... โปรนี้มีปีละสองครั้งนะคะ จองได้มกรากับกรกฎาคม ปีหน้าก็ขอให้เป็นแบบนี้เนอะ.
คุณไปที่หน้าเว็บนี้เมื่อ 20/4/2019
7 ม.ค. 2561 - เมื่อวาน สายการบิน Jeju Air ออกโปร 1,550 บาทต่อเที่ยว ไปเกาหลี ผมรู้ข่าวนี้ผ่านเพจอาแป๊ะครับ .... สายนี้เคยนั่งตอนไปกับทัวร์ เครื่อง 737 เหมือนนกแอร์/ไลอ้อนครับ แจกแต่น้ำเปล่า ..... โชคร้ายตั๋วเชจูหมดโปรต้องซื้อราคาปกติเกือบแพงเท่าราคาตั๋ว กทม ปูซาน ... ราคา 12000+ ซึ่งยังไม่เลวร้าย ตอนนี้รอรีวิวเหมือนกันแต่ยังไงก็ต้องไปละ ...
คุณไปที่หน้าเว็บนี้เมื่อ 20/4/2019
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รีวิวราคาตั๋วบินลดราคา ตั๋วโปร กับ เจจูแอร์ ไปเกาหลี



ขอบคุณรีวิวดีๆ นะคะ
ตามที่สัญญาไว้กับเพื่อนๆว่าจะรีวิวสายการบินเจจูแอร์ (Jeju Air) มาให้ชมกัน การเดินทางในทริปเกาหลีใต้ครั้งนี้เลยจัดเต็มมาให้ครับ ทั้งเที่ยวการเดินทางไป และการเดินทางกลับ กับสายการบินโลว์คอสแอร์ไลน์อันดับหนึ่งของเกาหลี เจจูแอร์ (Jeju Air) 


ทำความรู้จักเจจูแอร์อย่างแรก เท่าที่สำรวจ สายการบินในเกาหลีมาบ้าง จะเห็นว่าในระดับโลว์คอสแอร์ไลน์ด้วยกันแล้ว สายการบินเจจู (Jeju Air) ค่อนข้างจะมีการจัดโปรโมชั่น และการตลาดค่อนข้างบ่อย และสม่ำเสมอ อีกอย่างมีภาพลักษณ์ที่ดีมาก มีพรีเซนเตอร์เป็นนักร้องเกาหลีชื่อ ลีมินโฮ ทำให้สายการบินนี้ดูน่ารักมากๆทีเดียวครับ 


ภาพ : เคาเตอร์เช็คอินของสายการบินเจจูที่สนามบินสุวรรณภูมิ

เรื่องการจองเดี๋ยวจะว่ากันในตอนท้ายก็แล้วกันนะครับ ว่าจองยังไง แค่วิธีจองนี้ก็มีอะไรน่าสนใจมากทีเดียว แต่เอาใจคนใจร้อนก่อน คงอยากเห็นเครื่องบินกันแล้ว ว่าหน้าตาเป็นยังไง มีอะไรสะดุดตากันบ้าง จากประสบการณ์ในการเดินทางด้วยเจจูแอร์ของผม …จะเป็นอย่างไรเดินทางไปพร้อมกันเลยครับ 

เที่ยวบินของผม ประมาณ ตี1 ครับ แต่จะไปถึงเกาหลีประมาณ 9โมงเช้า เวลากำลังพอดีๆ คนส่วนใหญ่ที่ใช้บริการก็เป็นชาวเกาหลีครับ ที่สังเกตุ หิ้วถุงกอล์ฟมากันแทบทุกคน ชาวเกาหลีคงเดินทางมาเล่นกอล์ฟกันที่เมืองไทยกันเยอะ ถุงกอล์ฟใหญ่ๆกันทั้งนั้นเลยครับ มีเที่ยวกลับไทยที่ผมเจอคนไทยหลายคนทีเดียวที่เดินทางกลับด้วยสายการบินนี้ 


ภาพ : ชาวเกาหลีนิยมเดินทางด้วยสายการบินเจจูมากทีเดียวครับ 

สำหรับกระเป๋าที่นำขึ้นเครื่องได้คือ 10กิโลกรัมและกระเป๋าที่โหลดได้ฟรีคือ 15 กิโลกรัมครับ สำหรับที่นั่งและสัมภาระเราสามารถซื้อออฟชั่นได้อีกนะครับ ถ้าใครสนใจ เป็นบริการเสริมที่ผมชอบมากเลยละครับ Purchased Block Seat คือเราสามารถเลือกที่จะบล๊อคที่นั่งข้างเราไว้ได้1เก้าอี้เพื่อไม่ให้มีใครมานั่ง จะเป็นทางซ้ายหรือขวาของที่นั่งเราก็แล้วแต่จะเลือก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ถูกว่าการซื้อ2เก้าอี้แน่นอนครับ ส่วนการเลือกที่นั่งก็สามารถเลือกได้นะครับมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน 


ภาพ : กระเป๋าผมแค่8กิโลกรัมเท่านั้น เขาให้โหลดได้ 15 กิโลกรัม เพื่อน้ำหนักขากลับไว้ช้อปปิ้งครับ 

เที่ยวบินของเราเดินทางตรงจาก สุวรรณภูมิ ไปยัง สนามบินอินชอนเกาหลีใต้ ออกจากเมืองไทยเวลาประมาณ 1.50น. ก็จะไปถึงเกาหลีประมาณ 9โมงเช้าพอดี (ต้องนับว่าเวลาเกาหลีต่างจากไทยอยู่ 2ชั่วโมงด้วยนะครับ) 

เครื่องบินที่นั่งมาจะมีที่นั่งแยกเป็นสองด้าน ด้านละ 3เก้าอี้ครับ ผมเลือกที่นั่งติดหน้าต่างไว้ เพราะอยากเห็นวิวในเครื่องบินได้ทั้งลำ แล้วถ้ามองออกไปนอกหน้าต่างตอนกลางคืนหวังว่าจะได้มองเห็นดาวกับเขาบ้าง และก็เลือกที่นั่งด้านหลังๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ชอบนั่งด้านหน้ามากกว่า ที่นั่งด้านหลังจึงถูกกว่า ที่ว่าด้านหน้าหรือด้านหลังนั้นเขาแบ่งแยกโดย ส่วนกลางเครื่องที่มีประตูฉุกเฉินติดตั้งอยู่ 


ภาพ : เครื่องบินเจจูแอร์


ภาพ : ในเครื่องบินเจจูแอร์ เส้นทาง สนามบินสุวรรณภูมิ ไป สนามบินอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ จะเห็นว่าที่นั่งแบ่งเป็นสองด้าน ซ้าย-ขวา ด้านละ 3เก้าอี้ตลอดลำ มีที่เก็บสัมภาระด้านบน


ภาพ : ผมลือกนั่งท้ายๆของเครื่องเพราะอยากมองเห็นบรรยากาศทั้งลำของเครื่องบินครับ 


ภาพ : เก้าอี้นั่งบนเครื่องบินเจจูแอร์ 


ภาพ : ที่รองหัวบนเก้าอี้มีโลโก้น่ารักของเจจูแอร์


ภาพ : ที่วางอาหารและหนังสือ


ภาพ : นั่งได้สบายครับ หลับยาวไปถึงเกาหลี

สำหรับเบาะเก้าอี้เป็นเบาะผ้า มีที่หนุนหัวที่ตัวเก้าอี้ รองด้วยผ้าโลโก้เจจูแอร์ มีที่วางอาหารและหนังสือที่เบาะเก้าอี้ด้านหน้า ถ้าจะถามว่านั่งแล้วสบายมั๊ย มันก็เหมือนโลคอร์สแอร์ไลน์โดยทั่วไปนะครับผมว่า ผมสูง 178 เซนติเมตร เวลานั่งเขาก็ไม่ได้ชิดอะไรมากมาย เวลานอนเก้าอี้ปรับไม่ได้มากนักปกติผมก็นอนมันทั่งอย่างนั้นละครับจนชินซะละ แต่มีอย่างนึ่งครับในการจองที่นั่งสำหรับคนที่กังวลเรื่องเกาอี้ เจจูแอร์เขามีบริการเสริมอย่างการล๊อคที่นั่งด้วยนะครับอย่างที่กล่าวไปบ้างแล้ว จะล๊อคไว้นอนเลยก็มีนะครับสำหรับคนที่เดินทางคนเดียว อันนี้เห็นบริการเสริมในเว็บของ เจจูแอร์ กันที่นั่งไว้ให้ เรียกว่า Purchased Block Seat  แต่ราคาจะถูกกว่าซื้อที่นั่ง3ตัวแน่ๆ จ่ายเงินเพิ่มอีกนิดหน่อยก็นอนกันไปเลย เหมาะกับคนที่มาคนเดียวแล้วมีปัญหา เรื่องการนอนหลับบนเก้าอี้ หรือ คนที่มาเป็นคู่รัก ไม่อยากให้ใครมานั่งใกล้ มากันเป็นครอบครัวอะไรแบบนี้เหมาะมากเลยครับ ผมลงลิงค์ไว้ให้เพื่อใครจะเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.jejuair.net/jejuair/serviceinfo/additional/sideseat.jsp

สำหรับเรื่องอาหารบนเครื่องบิน เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ ยิ่งคนชอบอาหารเกาหลีคงจะชอบ มาเริ่มสัมผัสวัฒนธรรมเกาหลีอย่างแรกด้วยการกินอาหารบนเครื่องบินนี้ละครับ ซึ่งบนเครื่องบินเจจูแอร์ เขาจะมีบริการ Air Cafe เป็นบริการ อาหาร เครื่องดื่ม และขนมคบเคี้ยวให้กินกันได้ตลอดทาง ซึ่งได้รับความนิยมจากชาวเกาหลีเป็นอย่างมาก เท่าที่สังเกตุเห็นคนเกาหลีซื้อกินบนเครื่องเยอะครับ หยิบเมนูที่เสียบไว้ที่หน้าที่นั่งมาชม ราคาที่เราเห็นนี้เป็นราคาเดียวกับที่ขายในเกาหลีทั่วๆไปเลยละครับ มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี, บีบิมบับกึ่งสำเร็จรูป (ข้าวยำเกาหลี) ด้วยนะครับ หรือจะเลือกที่จะสั่งอาหารไว้กินบนเครื่องล่วงหน้าด้วยเมนูพิเศษก็มี อันนี้จองกันในเว็บได้เลย มีอาหารหลากหลายให้เลือก 


ภาพ : บริการ Air Cafe บนเครื่องบินเจจูแอร์


ภาพ : ด้านในมีเมนูทานเล่นหลายรายการให้เลือก 


ภาพ : ลองกินอาหารเกาหลียอดฮิตอย่าง บีบิมบับ(ข้าวยำเกาหลี) ก็มีขายด้วยครับ


ภาพ : แอร์โฮสเตสให้บริการอาหารเครื่องดื่มบนเครื่องบิน 


ภาพ : การจ่ายเงิน เราสามารถใช้เงินสด หรือ เครดิตการ์ดก็ได้นะครับสะดวกมาก

ยังมีพวกสินค้าที่ระลึกของเจจูแอร์จำหน่ายด้วยนะครับ น่ารักๆ อย่างเครื่องบินกระดาษเจจูแอร์  แบบเป่าลมก็มี พวงกุญแจก็น่ารัก มีราคาตั๋วรถเข้าเมืองในราคาพิเศษด้วยนะครับ 


ภาพ : มีของที่ระลึกจำหน่ายด้วย

แล้วผมก็หลับยาวไปถึงสนามบินอินชอนเลยละครับ ตั้งใจว่าจะตื่นมาถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าบนเครื่องบินสักหน่อย วางแผนมาดิบดีเลือกนั่งฝั่งขวาไว้เพราะเป็นทิศตะวันออก ดันตื่นสายตื่นมาก็แสงจ้าแล้วซิครับ  อดเลย ไว้คราวหน้าจะถ่ายมาให้ชมกันนะครับ มองนอกหน้าต่างเจอ เจจูแอร์ยิ้มให้ซะแล้ว มองที่ปีกเครื่องบินมีรูปโลโก้เจจูแอร์ เหมือนหน้าคนยิ้มให้น่ารักเชียว


ภาพ : มองไปนอกหน้าต่าง เหมือนมีคนยิ้มให้ โลโก้เจจูแอร์

พูดถึงความน่ารัก ต้องขอบอกความประทับใจเลยว่า แอร์โฮสเตทของสายการบินเจจูแอร์บริการได้น่าประทับใจมาก อีกความสุภาพเรียบร้อยยกให้เลยครับ การแต่งตัวก็เรียบร้อย รวบผมสะอาดเรียบร้อยน่ารักทีเดียว 


ภาพ : การบริการบนเครื่องบินของ สาวๆแอร์โฮสเตส เจจูแอร์


ภาพ : ชอบที่พวกเธอแต่งตัวดูดี และรวบผมทุกคนยิ่งทำให้ดูสะอาดเรียบร้อย ดูดีมากๆ


ภาพ : ถ่ายภาพการขนกระเป๋าลงจากเครื่องที่สนามบินอินชอนประเทศเกาหลีใต้มาให้ชมกันด้วย พอดีนั่งตรงที่รถขนกระเป๋ามาพอดี


ภาพ : เจจูแอร์บริการจากไทย 3เส้นทาง ไปเกาหลีใต้ และเข้ายังบินจากเกาหลีไปยังประเทศต่างๆอีกหลายประเทศ

สำหรับการจองเที่ยวบินของสายการบินเจจู สามารถจองผ่านหน้าเว็บ www.jejuair.net หรือจะเข้าจองที่ออฟฟิศในกรุงเทพฯก็ได้นะครับ เขามีออฟฟิศอยู่ที่อาคารสิรินรัตน์ ชั้น3 ถนนพระราม 4 เยื้องๆกับช่อง3 นั้นละครับ ตอนนี้มี 3เส้นทาง คือ  กรุงเทพ -อินชอน(Incheon), ปูซาน(Busan), แทกู(Daegu) เรื่องราคาลองจองที่หน้าเว็บได้เลยครับ ส่วนพวกโปรโมชั่นราคาพิเศษต่างๆแนะนำให้ เข้าไปกดไลค์หน้าเพจเฟซบุ๊คของเจจูแอร์ไว้ จะเห็นเขามีออกมาเรื่อยๆ ถูกๆทั้งนั้น ที่ www.facebook.com/jejuairbkk


ภาพ : หน้าเว็บเจจูแอร์

ใครสนใจเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ที่เว็บไซต์ของเจจูแอร์  www.jejuair.net หรือ โทร. 02 367 5296-99 อีเมล์: jejuair.bkk@gmail.com, เฟสบุ๊ค www.facebook.com/jejuairbkk


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://korea-guides.blogspot.com/2012/04/jeju-air.html

10 เคล็ดลับจองตั๋วเครื่องบินกี่ครั้งๆ ก็ยังจ่ายราคาถูก


GoBear
สนับสนุนเนื้อหา

หากเพื่อนๆคิดจะไปเที่ยวที่ไหนซักที่ ให้วางแผนล่วงหน้าก่อนวันเดินทางให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รู้ไหมครับว่าแต่ละสายการบินเขาออกตั๋วไว้เตรียมขายล่วงหน้าตั้งแต่ 11 เดือนที่แล้วนู่นแน่ะ แนะนำให้เพื่อนๆเริ่มดูตั๋วกันได้เลย และเข้าไปเช็คบ่อยๆซักอาทิตย์ละครั้ง พอเจอดีลในราคาที่ใช่จะได้กดจองทัน หากไปจองเอาใกล้ๆก็อาจจะโชคดีได้ดีลนาทีสุดท้าย แต่ก็ไม่การันตีนะครับว่าดีลจะยังเหลือให้เพื่อนๆได้จองจริงๆ
2. เลือกเวลาซื้อตั๋วก่อนวันบินประมาณ 7-12 สัปดาห์
มีการศึกษาโดย CheapAir ที่วิจัยการค้นหาเที่ยวบินกว่า 560 ล้านเที่ยวพบว่า หากจะจองตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ ให้จองล่วงหน้าอย่างต่ำ 7 สัปดาห์ และอย่างต่ำ 11 สัปดาห์ล่วงหน้าสำหรับตั๋วเที่ยวบินระหว่างประเทศ และตั๋วจะเริ่มแพงมากๆหากเพื่อนๆจองล่วงหน้าเพียง 14 วัน และหากจองล่วงหน้านานเกินไปหรือมากกว่า 5 เดือนขึ้นไป ราคาตั๋วก็จะยังไม่ใช่ราคาที่ถูกที่สุดครับ ส่วนเรื่องให้จองตั๋วในวันอังคารหรือวันพุธเพื่อให้ได้ราคาถูกที่สุด นั่นก็เป็นแค่ความเชื่อเท่านั้นครับ
3. เลือกวันเวลาของเที่ยวบินให้ดี
เป็นที่เห็นพ้องต้องกันว่า หากเพื่อนๆเลือกจองเที่ยวบินที่ออกบินในวันอังคาร วันพุธ หรือวันเสาร์ เพื่อนๆจะได้ตั๋วราคาถูกกว่าการจองวันอื่นๆ เพราะเป็นวันมีที่นั่งเหลือมาก และไม่ควรจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวบินวันศุกร์หรือวันอาทิตย์ เพราะจะแพงที่สุดครับ นอกจากนี้ หากเพื่อนๆจองเที่ยวบินที่เวลาบินไม่ใช่เวลาปกติ เช่น ไฟลท์ดึกหรือไฟลท์เช้ามืด ก็จะได้ดีลราคาดีที่สุดเช่นกันครับ
4. เปลี่ยนวิธีการจ่ายเงิน
หากเพื่อนๆใช้บัตรเครดิตในการจ่ายเงินจองตั๋วเครื่องบิน ก็มักจะมีการหักค่าธรรมเนียมเข้าไปด้วย นั่นทำให้ราคาตั๋วสูงขึ้นไปอีก ดังนั้นหากลองเลี่ยงการจ่ายด้วยบัตรเครดิต ก็จะลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้ครับ อย่างไรก็ดี หากเป็นการจองเที่ยวบินระหว่างประเทศ การใช้บัตรเครดิตที่ร่วมรายการก็อาจได้ประโยชน์เพราะทำให้เพื่อนๆสามารถสะสมแต้มแลกไมล์บินได้นั่นเอง
5. หาเที่ยวบินที่มุ่งหน้าไปสนามบินทางเลือก
หากจะจองตั๋วเครื่องบินไปยังเมืองใดเมืองหนึ่ง ลองเช็คดูครับเผื่อว่าจะมีสนามบินอีกแห่งในเมืองเดียวกัน ลองเช็คราคาของทั้งสองจุดหมายแล้วซื้อตั๋วไปยังจุดหมายที่ราคาถูกที่สุด แต่ต้องวางแผนค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าเมืองให้ดีนะครับ เพราะบางทีบวกค่ารถบัสไปแล้ว เอาไปซื้อตั๋วไปสนามบินหลักอาจจะถูกกว่า
6. จองโดยใช้หลายๆสายการบิน
ลองเปรียบเทียบราคาในหลายๆสายการบิน โดยมิกซ์แอนด์แมตช์ตัวเลือกที่ถูกที่สุด เช่นขาไปไปกับสายการบินหนึ่ง ขากลับอาจไปกับอีกสายการบินหนึ่ง ก็ทำให้สามารถจองตั๋วเครื่องบินที่ราคาถูกลงได้ครับ
7. หลีกเลี่ยงเดินทางช่วงวันหยุด
หากเป็นช่วงก่อนหรือหลังช่วงวันหยุดประมาณ 7 วัน ให้หลีกเลี่ยงการจองตั๋วเครื่องบินช่วงนี้ครับ แน่นอนว่าทั้งคนแน่นและตั๋วจะมีราคาแพง นี่รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปด้วย โดยหาก ณ ขณะนั้นเป็นช่วง high season ราคาตั๋วก็จะแพงขึ้นนั่นเองครับ
8. ยิ่งรอต่อเครื่องนาน ยิ่งถูก
หากเพื่อนๆอดใจรอไหวเพื่อให้ได้ตั๋วที่ถูก แนะนำให้จองตั๋วเครื่องบินที่ใช้ระยะเวลาต่อเครื่องที่นานขึ้น ก็จะได้ราคาตั๋วที่ถูกลงครับ
9. ประหยัดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเข้าไว้
บางสายการบินจะมีการเก็บค่าบริการเพิ่มเติมหากเพื่อนๆต้องโหลดกระเป๋าหรือถือกระเป๋าสองใบ ให้ลองจัดสัมภาระในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ให้กระเป๋ามีขนาดใหญ่เกินไป หรือเลือกใช้สายการบินที่ไม่เสียค่าธรรมเนียมโหลดกระเป๋าก็จะลดค่าใช้จ่ายได้ครับ
10. ลบข้อมูล cookies/history ในเครื่องคอม
บางเว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบินจะเก็บข้อมูลการค้นหาตั๋วเครื่องบินของเพื่อนๆไว้ ทำให้เมื่อสนใจกลับมาค้นหาซ้ำสอง ราคาตั๋วก็จะเพิ่มขึ้น จึงแนะนำให้ก่อนค้นหาเที่ยวบิน ลองลบข้อมูล cookie ทิ้ง หรือเปิดเบราเซอร์ให้อยู่ในโหมด incognito แทนครับ
10-saving-ticket-plane
หวังว่าเรื่องราวดีๆที่นำมาฝากเพื่อนๆวันนี้จะทำให้เพื่อนๆสามารถเที่ยวได้อย่างสบายกระเป๋า หมดกังวลเรื่องงบเที่ยวไปอีกเปลาะนะครับ จะให้สบายใจยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนเดินทางก็อย่าลืมเช็คประกันเดินทางติดตัวไปด้วย ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินให้เพื่อนๆได้อีกเยอะเลยครับ

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2562

2 แม่ลูกวางแผนเที่ยวเกาหลี.."ตะลุยโซล" (ครั้งแรก) ep. 2 เที่ยวช่วงไหนถึงสวย! คุ้มสุด!


ep. 2 : ) เกาหลี โซล เที่ยวช่วงไหน..สวย ! คุ้มสุด !

ก่อนจะไปเที่ยวเกาหลี เราก็ควรหาข้อมูลฤดูกาลต่างๆ ของประเทศนี้ก่อน
เพื่อวางแผนกำหนดวันท่องเที่ยว ที่ตรงกับความต้องการของเรา ทั้งเรื่องสถานที่เที่ยว
อากาศตอนที่จะเดินทางไป การเตรียมซื้อผ้า-ของใช้ส่วนตัว การจัดกระเป๋าเดินทาง
รวมถึงคำนึงถึงเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ด้วย

ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่นิยมไปเที่ยวเกาหลี อยู่ในช่วงวัยรุ่น - วัยกำลังเริ่มทำงาน 
ชื่นชอบอาหารเกาหลี ชอบดูซีรีย์เกาหลี จึงต้องการที่จะไปตามรอยศิลปิน อาหาร และ
สิ่งที่เราชื่นชอบให้ได้ในครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ด้วยความจำกัดในด้านการเงิน จึงต้อง
เก็บเงินก่อน พร้อมค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวในประเทศเกาหลี เพื่อการวางแผนที่ดี

สิ่งที่สำคัญในการท่องเที่ยว ช่วงทริปวันท่องเที่ยวของเรา ถ้าจะให้คุ้มค่า คุ้มเวลา
ต้องไปในช่วงที่สวยของเกาหลี นั่นเอง ! ได้ค้นหาข้อมูลหลายบทความ หลายสำนักที่
นำข้อมูลรายละเอียด ข้อแนะนำต่างๆ มาเผยแพร่และแบ่งปันกันในเวปต่างๆ มากมาย
พอจะนำมาสรุป ! สั้น ๆ ง่าย ๆ สำหรับ " ช่วงบรรยากาศสวยงามของเกาหลี " 

@ เดือนเมษายน 
เป็นฤดูใบไม้ผลิ เพื่อไปชื่นชมความสวยงามของดอกซากุระ 

@ เริ่มสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตุลาคม <-- > สัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน 
ฤดูใบไม่ร่วง ชมใบไม้เปลี่ยนสี ท้องฟ้าสวยใส ถ่ายรูปได้สวยสุดๆ

@ เดือนธันวาคม - มกราคม - กุมภาพันธ์ 
เป็นฤดูหนาว ไปดูหิมะ เล่นสกี พักรีสอร์ท เน้นสวยธรรมชาติ อากาศหนาวเย็น โรแมนติค



เกาหลีมี 4 ฤดูกาล ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของสภาพอากาศ และบรรยากาศของการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นก่อนเดินทางไป ทัวร์เกาหลี เราควรรู้ก่อนว่าช่วงที่ไปนั้นอยู่ในฤดูอะไร สภาพอากาศแบบไหน เพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย รวมถึงเสื้อผ้าเครื่องแต่งการ เพื่อให้ท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุขสุดๆ
ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) : เริ่มประมาณต้นเดือนมีนาคม – พฤษภาคม
ถ้าถามว่า เที่ยวเกาหลี ฤดูไหนดี สำหรับคนชอบเที่ยวช่วงที่มีสีสัน มีดอกไม้บาน ฤดูใบไม้ผลิ คือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะอากาศในช่วงนี้จะเย็นสบาย ไม่หนาวจัด ต้นไม้จะผลิใบสะพรั่ง อีกทั้งในเดือนเมษายนจะมี ดอกพ็อดกด หรือ ซากุระ เกาหลี ที่จะเริ่มบานเต็มต้น ทั้งนี้ดอกซากุระจะบานตามสภาพอากาศ ซึ่งจะบานไม่เกิน 2 สัปดาห์ก็จะร่วงหมด และในฤดูนี้สตรอเบอร์รี่ยังมีราคาถูกกว่าฤดูอื่นๆ อีกด้วย

ฤดูร้อน (Summer) : เริ่มประมาณเดือนมิถุนายน – ต้นเดือนกันยายน

หน้าร้อนของเกาหลีอากาศร้อนระอุเหมือนอยู่เมืองไทยเลยทีเดียว อุณหภูมิเฉลี่ย 22°C ถึง 38°C องศา (ในช่วงที่ร้อนจัด) และอาจมีฝนตกบ้างในบางวัน ช่วงกลางเดือนกรกฏาคมถึงกลางเดือนสิงหาคมคือช่วงที่ร้อนที่สุดของปี ด้วยสภาพอากาศแบบนี้ หลายคนอาจจะไม่อยากไป เที่ยวเกาหลี หน้าร้อน ใช่มั้ยคะ แต่บอกเลยว่าหน้าร้อนที่เกาหลีก็มีข้อดีเยอะเหมือนกัน เพราะโดยเฉลี่ยราคา ทัวร์เกาหลี ห้องพัก ตั๋วเดินทางต่างๆ จะมีราคาถูกลงในช่วงนี้ ไปเที่ยวจัดเต็มได้ในราคาไม่แพงเลยค่ะ แถมหน้าร้อนยังสามารถทำกิจกรรมสนุกๆ ได้มากมายอีกด้วย

ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) : เริ่มประมาณปลายเดือนกันยายน – พฤศจิกายน

ฤดูนี้ถือเป็นฤดูที่สวยงามที่สุดสำหรับเกาหลีเลยก็ว่าได้ และยังเป็นช่วงที่คนนิยมไปท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะนอกจากอากาศจะสดชื่น เย็นสบาย อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10-20 องศา ยังมีโอกาสได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง สีแดงเต็มต้น คนเกาหลีจะนิยมไปเที่ยวกันที่ภูเขาแนจังชัน แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดชอลลาบุกโด เพราะทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยงามเป็นพิเศษ ไปเที่ยวเกาหลี ใบไม้เปลี่ยนสี สักครั้งแล้วคุณจะหลงรักฤดูนี้

ฤดูหนาว (Winter) : เริ่มประมาณเดือนธันวาคม – กลางเดือนมีนาคม

เชื่อว่าหลายคนคงอยากไปช่วงฤดูหนาว เพราะเคยเห็นบรรยากาศแสนจะโรแมนติกมาจากในซีรีส์เกาหลีแน่ๆ สำหรับฤดูหนาวเป็นช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิเฉลี่ย  -5°C ถึง 20°C องศา ช่วงนี้เหมาะกับการเล่นสกีหิมะ โดยที่ สกีรีสอร์ทเกาหลี หลายแห่งจะเปิดให้บริการ ใครชอบสัมผัสอากาศเย็นๆ และหิมะสีขาว ไปเที่ยวช่วงมกราคมและกุมภาพันธ์รับรองว่าไม่ผิดหวัง
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก www.govivigo.com และ www.facebook.com/mushroomtravel/

โพสต์แนะนำ