ต้อนรับเข้าสู่กระทู้เที่ยวกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ฉบับผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้ไม่ง้อทัวร์ไม่ง้อใคร โดยกระทู้นี้จะรวมตั้งแต่การเตรียมตัว การเดินทาง การกิน การเที่ยว การติ่ง และการช้อป นั่นเอง ชื่อกระทู้ Feelin’ SEOUL Energetic แปลงมาจากเนื้อร้องเพลง Energetic ของ Wanna One บอยแบนด์ที่ทำให้ไฟติ่งโหมกระหน่ำจนต้องมาเยือนอีกในรอบ 1 ปี
ขอเกริ่นก่อนว่าไม่ได้ตั้งใจมาโซลจริงๆเพราะเพิ่งมาเมื่อกพ.2017 นี้เอง แต่ความติ่งอันลุกโชนที่มีต่อ WannaOne (ที่จะแยกย้ายในปลายปี 2017 นี้) และเหล่าผลผลิตจากรายการ Produce101 SS2 จึงอยากมาเก็บความทรงจำต่างๆที่มีเพียงปีนี้ปีเดียวเท่านั้น แถมแค่ระยะหนึ่งปีมีที่เที่ยวโดนๆเกิดใหม่เพียบไม่ว่าจะเป็น Seoullo 7017 หรือ Café 89 Mansion (ของพระเอกหนุ่มอีจงซอก) ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่เพิ่มเกิดใหม่
ครั้งนี้เป็นการเดินทางมาเกาหลีใต้ครั้งที่ 2 ของเราที่มาคนเดียว โดยผู้อ่านสามารถติดตามเนื้อหาการเที่ยวปีที่แล้วได้ในกระทู้นี้นะคะ
https://pantip.com/topic/36146379
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
เที่ยวบิน : XJ700: DMK-ICN 21 FEB 2018 2.20 -10.05 น.
XJ703: ICN-DMK 26 FEB 2018 00.10 – 04.30 น.
ตั๋วเครื่องบิน : เราใช้บริการ Thai Air Asia X สายการบินโลว์คอร์สที่ใช้เครื่องบินลำใหญ่ซึ่งเราซื้อตั๋วตอนมีโปรโมชั่น 4,520 ต่อเที่ยวช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2017 เราไม่ได้จองโปรข้ามปีแบบถูกหลุดโลกเพราะไม่ได้ตั้งใจเฝ้าช่วงโปร กว่าจะตัดสินใจได้ครบถ้วนก็ปาไปเดือนพฤศจิกายน ก็ยังโชคดีที่พอจะได้โปรกับเขาบ้าง ราคาเลยถูกสู้คนอื่นไม่ได้นะคะ
ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับรวมแพ็คเกจสุดคุ้มรวมน้ำหนักเพิ่มขากลับกับที่นั่ง Quiet zone ไป-กลับเป็น 12,830 บาท แอบสูงสำหรับโลว์คอร์สแต่ถือว่าถูกสุดจากทุกสายการบินในช่วงที่เราจองตั๋วค่ะ
ที่พัก : เราพักที่ K-GuestHouse Myeongdong 2 เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้าใกล้ป้ายรถ Airport bus No.6015 (ป้ายสุดท้าย) อยู่ในมยองดงแต่ไม่อยู่ในที่คนพลุกพล่านเกินไปแต่ก็ไม่เปลี่ยว เราพักห้องเดี่ยว พื้นที่ในห้องแคบ แต่ไม่ได้แคบจนเกินพอดีสำหรับ 1 คน สามารถกางกระเป๋าเดินทางขนาด26นิ้วได้ มีหน้าต่างที่ติดกระดาษไว้ส่วนหนึ่ง(ไม่ทราบเหมือนกันว่าติดไว้ทำไม) แต่ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดจากที่แคบเพราะมีแสงลอดเข้ามาได้ ราคาต่อคืนอยู่ที่ 1,250บาท 4คืน หลังรวมภาษีต่างๆของ Agoda ราคาอยู่ที่6036บาท เฉลี่ยคืนละ1509บาท อาจจะดูแพงแต่ถ้าไปคนเดียวแล้วอยากได้ห้องเดี่ยว ตั้งอยู่ในสถานที่เที่ยวยอดนิยม เดินทางไปมาสะดวก ห้องปลอดภัย ราคานี้สำหรับเราไม่ได้แพงเท่าไหร่ ไม่ค่อยรีวิวของคนไทยแต่เจอคนไทยพักเยอะ
เงินวอน : ประเทศเกาหลีใต้ใช้สกุลเงิน”วอน” ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 0.03 บาทต่อ 1 วอน แต่อัตราแลกเปลี่ยนนั้นก็จะขึ้นลงไปเรื่อยๆ แล้วแต่สถานที่แลกเงินด้วย เราแนะนำว่า
อย่าแลกเงินกับธนาคารค่ะ เพราะเรทแพงมากเฉลี่ยอยู่ที่ 0.035 บาท/วอน แนะนำว่าแลกกับร้านแลกเงินเลยจะถูกกว่า
เราแลกเงินที่ Super Rich สีเขียว สาขาราชดำริ ไม่ว่าไปเที่ยวประเทศไหนก็มาแลกที่นี่เสมอ ราคาเขาดีจริงๆ แนะนำก่อนออกไปแลกเงินศึกษาอัตราแลกเปลี่ยนวันนั้นก่อนไปแลกนะคะ คนละวันคนละอัตรา คนละสาขาก็คนละอัตราเช่นกันค่ะ
บัตร T-Money: สามารถเรียกว่าบัตรครอบจักรวาลก็ได้ ใช้จ่ายค่ารถบัสเข้า รถเมล์ รถไฟ แถมยังสามารถใช้จ่ายเงินตามร้านสะดวกซื้ออีกด้วย สบายจริงๆ ไม่ต้องแบกเหรียญให้หนักกระเป๋าสตางค์ บัตรนี้เป็นบัตรแบบเติมเงินซึ่งสามารถเติมได้ตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ(**นอกสถานีรถไฟเท่านั้น**) ราคาตัวบัตรขึ้นอยู่กับลายบัตรด้วย ราคามาตรฐานอยู่ที่ 2,500วอน ไปจนถึง 5,000วอน ถ้านั่งรถบัสเข้าเมืองแล้วใช้บัตร T-money จ่าย จะลด 1,000 วอนไปเลย
สภาพอากาศ : ช่วงที่เราไปเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่ได้สัมผัสอากาศหนาว 0 องศาที่พอมีแดดก็อุ่นไปถึง 8 องศา ตอนเช้ามีติดลบบ้าง
การแต่งกาย : ท่อนบน Heattech Extra Warm เสื้อขน เสื้อโค้ท ส่วนท่อนล่าง Heattech Extra Warm เลคกิ้งบุขนหนา ถ้าให้ดีพกชุดไปไม่เยอะแล้วไปหาซื้อที่เกาหลีจะได้ถูกกว่าหลากหลายกว่า อินเทรน์ด้วย
อินเตอร์เน็ต : มีให้เลือกทั้งแบบ Pocket wifi , เปิด Data Roaming รวมไปถึง Internet Sim ขึ้นอยู่กับความสะดวกส่วนบุคคล
เราเลือกใช้ Sim2fly ของ AIS ราคา 399 บาท (8วัน 4GB) เพราะง่ายดี สะดวก ไม่ต้องพกเครื่องไวไฟให้หนักกระเป๋า ส่วนเรื่องราคาก็ถูกสุดๆ (เพราะเราไม่ได้หารแชร์กับใคร จ่ายคนเดียวเต็มๆ) โดยเราซื้อและให้ AIS Shop ใกล้บ้าน แอคทิเวทตั้งแต่ตอนซื้อได้เลย เพราะแบบใหม่จะเริ่มนับวันแรกตอนใช้เน็ตครั้งแรก พอไปถึงโซลใส่ซิมเปิดมือถือก็ใช้เน็ตได้ทันที เร็ว แรง แม้อยู่ในรถไฟใต้ดินก็ตาม ปริมาณเน็ตจุใจมากเพิ่มเป็น 4GB เปิดแมป เปิดทวิตเตอร์จุใจตลอดทริป
แอพพลิเคชั่นระหว่างท่องเที่ยวที่จำเป็น : Subway (แบคกราวน์สีเหลืองๆ) – ส่องดูแมปสถานีรถไฟ แค่คลิกเลือกว่าจะเริ่มต้นจบลงที่สถานีไหน แอปจะบอกสาย/สถานีที่ต้องเชื่อมต่อ เวลาเดินทาง ด้านที่ประตูจะเปิดครบสุดๆ
รูปภาพในกระทู้ : รูปภาพทั้งหมดในกระทู้ถ่ายจาก Samsung Galaxy A5 (2017) โดยไม่ผ่านฟิลเตอร์ใดๆค่ะ
*** กระทู้นี้ตั้งใจทำมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ให้กับผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้และนักอ่านพันทิปทั้งหลาย และยังเป็นการขอบคุณกระทู้ท่องเที่ยวเกาหลีใต้อื่นๆที่เป็น Reference ในการเที่ยวของเรา แหล่งที่ขาดไม่ได้คือ #รีวิวเกาหลี ในทวิตเตอร์ที่เป็นแหล่งข้อมูลใหม่สำหรับเราอีกด้วย
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาจากเงินของเราทั้งนั้น เลือกเอง จ่ายเอง ไม่ได้มีสปอนเซอร์มาสนับสนุนใดๆทั้งสิ้นที่รีวิวละเอียดเพราะอยากแบ่งปันให้ทุกๆท่าน
ดังนั้น รีวิวทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นและประสบการณ์ในระหว่างการเตรียมตัวและการเดินทางของเรา โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพกระทู้นะคะ ***
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สนามบินดอนเมือง - ขาออก
เริ่มต้นการเดินทางด้วยคนต่อแถวรอเข้าคิวเช็คอินเยอะมากยาวเป็นหางว่าว คนเยอะตั้งแต่เคาท์เตอร์ยังไม่เปิด คนส่วนใหญ่มากๆล้วนไม่ได้ทำ Online Check-In กันทั้งนั้น (ทั้งที่ทำได้ง่ายๆ) ตัวเราทำออนไลน์เช็คอินมาก็จริงแต่ดันไม่รู้ก็ต่อไปได้ซัก 20 นาที จะมีเจ้าหน้าที่สายการบินมาเดินเรียกผู้โดยสารคนไหนทำออนไลน์เช็คอินมาก่อนเข้าแถวพิเศษเลย เราเลยได้แทรกมวลมหาประชาชนจำนวนมากและทำ Baggage Drop เสร็จภายใน 5 นาที ความเอ๋อของคนไม่เคยขึ้น Thai AirAsiaX อย่างเราเลยเจอไปหนึ่งดอก เพราะงั้นแนะนำให้ทำ Online Check – In เช็คอินไปกันก่อนนะคะ ง่าย เร็ว ไม่เสียเวลาชีวิต ไม่ต้องมาก่อนเวลา เดินปลิวๆเหมือนเหล่าชาว Premium Flex แน่นอน
และแล้วดวงอันน้อยนิดของเราก็เหมือนจะแผ่วเมื่อไฟล์ทดีเลยไป 50 นาทีจาก 2.40 เป็น 3.30 น. ง่วงก็ง่วงทำงานมาทั้งวัน ล้ามาก ยังต้องกลัวแผนเที่ยวจะรวนเพราะถึงที่หมายสายไปอีก พอได้เวลาบอร์ดดิ้ง มวลมหาประชาชีก็บรรจุลงเครื่องกันแบบเต็มเครื่องแน่นมากปะปนไปด้วยเหล่าคณะทัวร์ไทย เหล่าคนเกาหลีใต้ และคณะ(ที่ดูน่าจะ)โดดร่วมจำนวนมาก
เราเลือกนั่งแบบ Quiet Zone (เพิ่มเงินหน่อย เพื่อความสบาย) เพราะต้องการความสงบสไตล์หญิงไทยรักเด็กเฉพาะภาคพื้นดิน คือจะนอนเอาแรง ไม่ต้องการรับแสงสว่างใดๆมารบกวนการพักผ่อน ปรากฏว่าแม้แต่โซนนี้ที่นั่งก็เต็ม ดวงอันน้อยนิดของเราจะแผ่วอีกครั้งเมื่อคนนั้งข้างๆเป็นชายร่างใหญ่ที่มีกลิ่นบุหรี่ โอ้โห บุญน้อยมาก แต่เพราะความง่วงหนักหน่วงเลยรอดมาได้ อาหารบนเครื่องของเราเป็นข้าวไก่เทอริยากิ รสชาติก็สไตล์อาหารบนเครื่อง รสชาติจืดๆแต่พอทานได้ ขนาดที่นั่งสำหรับสตรีสูง 159 ซม.นั้นยืดขานั่งได้กำลังดี ยิ่งถ้าไม่มีของวางได้เท้าแล้วน่าจะยืดขาได้สบายๆ แต่เบาะแบบตั้งตรงนั้นเมื่อยซักหน่อย ปรับเอนได้เล็กน้อย(เกรงใจคนข้างหลัง)
และแล้วชาว XJ 700 ก็ยังพอได้อานิสงค์ผลบุญจากกัปตันที่เหยียบมิดมาถึงอินชอนแบบทันกำหนดการ 10.05 น. นับว่ากรรมดีที่ทำมายังคงส่งผลให้เราบ้าง กัปตันลงจอดนิ่มพอสมควรนะคะหรือไม่รู้ว่าเราที่สลึมสลือเอง
สนามบินอินชอน - ขาเข้า
เครื่องของ TAAX จะอยู่คนละอาคารกับตม.จึงต้องนั่งรถไฟ 1 สถานีไปยังอาหารหลักของ Terminal 1 แนะนำให้จ้ำอ้าวไม่คิดชีวิตนะคะ กรอกใบตม.และเข้าห้องน้ำก่อนเครื่องลง ท่องไว้ว่าเราต้องเป็นคนแรกๆที่ได้เข้าตม. ไฟล์ทTAAX ขึ้นชื่อเรื่องตม.เพิ่งเล็ง เราไปคนเดียวจ้ำอ้าวพุ่งๆได้สบาย แทรกทะลุทะลวงจนไปถึงเขตตม.คนแรกๆ แทบไม่รอคิว
พอยื่นพาสปอร์ตให้ตม. ยืนนิ่งอยู่ 1 นาที ก็ขึ้นจอให้สแกนนิ้วมือ โอ้ ผ่านแล้วเหรอ เร็วมาก ไม่ได้เอื้อนเอ๋ยอะไรก็บตม.เม้แต่คำเดียว รอดเลย เราก็ไปเกาหลีใต้ครั้งนี้ครั้งที่ 3 ไม่เคยได้ยินเสียงตม.แม้แต่คนเดียว รอดอย่างรวดเร็วทุกรอบ ถ้ามาถึงช้าจะเสียเวลาต่อคิวและความรู้สึกเสียวสันหลังจะเพิ่มขึ้นเวลาเห็นคนเข้าห้องเย็นนะคะ
หลังจากออกมาก็ลงบันไดเลื่อนไปรับกระเป๋าที่สายพานได้ทันที พอได้กระเป๋าแล้วก่อนออกอย่าลืมยื่นใบศุลกากรให้เจ้าหน้าที่เพื่อออกสู่ด้านนอก
พอออกมาด้านนอกก็ต้องไปเติมบัตร T-money กันก่อน เรามีบัตรอยู่แล้วเลยเติมได้เลย ถ้าไม่มีก็ซื้อที่ร้านสะดวกซื้อที่สนามบินราคา 4,000 วอนไม่รวมค่าเงินในบัตรค่ะ ร้านสะดวกที่ใกล้โซนที่เราออกมาคือร้าน CU นั่นเอง เสียดายที่พนักงานพูดอังกฤษไม่ได้เลย พูดอังกฤษไปแต่ตอบเกาหลีกลับมา ทำงานสนามบินแท้ๆ
ได้เวลาเข้าเมืองกันต่อเลยค่ะ
[CR] :: Feelin’ SEOUL Energetic :: ลุยโซลคนเดียว กินเที่ยวติ่งช้อปท้าลมหนาวอินเกาหลีใต้ (กุมภาพันธ์ 2018)
ขอเกริ่นก่อนว่าไม่ได้ตั้งใจมาโซลจริงๆเพราะเพิ่งมาเมื่อกพ.2017 นี้เอง แต่ความติ่งอันลุกโชนที่มีต่อ WannaOne (ที่จะแยกย้ายในปลายปี 2017 นี้) และเหล่าผลผลิตจากรายการ Produce101 SS2 จึงอยากมาเก็บความทรงจำต่างๆที่มีเพียงปีนี้ปีเดียวเท่านั้น แถมแค่ระยะหนึ่งปีมีที่เที่ยวโดนๆเกิดใหม่เพียบไม่ว่าจะเป็น Seoullo 7017 หรือ Café 89 Mansion (ของพระเอกหนุ่มอีจงซอก) ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่เพิ่มเกิดใหม่
ครั้งนี้เป็นการเดินทางมาเกาหลีใต้ครั้งที่ 2 ของเราที่มาคนเดียว โดยผู้อ่านสามารถติดตามเนื้อหาการเที่ยวปีที่แล้วได้ในกระทู้นี้นะคะ
https://pantip.com/topic/36146379
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
เที่ยวบิน : XJ700: DMK-ICN 21 FEB 2018 2.20 -10.05 น.
XJ703: ICN-DMK 26 FEB 2018 00.10 – 04.30 น.
ตั๋วเครื่องบิน : เราใช้บริการ Thai Air Asia X สายการบินโลว์คอร์สที่ใช้เครื่องบินลำใหญ่ซึ่งเราซื้อตั๋วตอนมีโปรโมชั่น 4,520 ต่อเที่ยวช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2017 เราไม่ได้จองโปรข้ามปีแบบถูกหลุดโลกเพราะไม่ได้ตั้งใจเฝ้าช่วงโปร กว่าจะตัดสินใจได้ครบถ้วนก็ปาไปเดือนพฤศจิกายน ก็ยังโชคดีที่พอจะได้โปรกับเขาบ้าง ราคาเลยถูกสู้คนอื่นไม่ได้นะคะ
ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับรวมแพ็คเกจสุดคุ้มรวมน้ำหนักเพิ่มขากลับกับที่นั่ง Quiet zone ไป-กลับเป็น 12,830 บาท แอบสูงสำหรับโลว์คอร์สแต่ถือว่าถูกสุดจากทุกสายการบินในช่วงที่เราจองตั๋วค่ะ
ที่พัก : เราพักที่ K-GuestHouse Myeongdong 2 เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้าใกล้ป้ายรถ Airport bus No.6015 (ป้ายสุดท้าย) อยู่ในมยองดงแต่ไม่อยู่ในที่คนพลุกพล่านเกินไปแต่ก็ไม่เปลี่ยว เราพักห้องเดี่ยว พื้นที่ในห้องแคบ แต่ไม่ได้แคบจนเกินพอดีสำหรับ 1 คน สามารถกางกระเป๋าเดินทางขนาด26นิ้วได้ มีหน้าต่างที่ติดกระดาษไว้ส่วนหนึ่ง(ไม่ทราบเหมือนกันว่าติดไว้ทำไม) แต่ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดจากที่แคบเพราะมีแสงลอดเข้ามาได้ ราคาต่อคืนอยู่ที่ 1,250บาท 4คืน หลังรวมภาษีต่างๆของ Agoda ราคาอยู่ที่6036บาท เฉลี่ยคืนละ1509บาท อาจจะดูแพงแต่ถ้าไปคนเดียวแล้วอยากได้ห้องเดี่ยว ตั้งอยู่ในสถานที่เที่ยวยอดนิยม เดินทางไปมาสะดวก ห้องปลอดภัย ราคานี้สำหรับเราไม่ได้แพงเท่าไหร่ ไม่ค่อยรีวิวของคนไทยแต่เจอคนไทยพักเยอะ
เงินวอน : ประเทศเกาหลีใต้ใช้สกุลเงิน”วอน” ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 0.03 บาทต่อ 1 วอน แต่อัตราแลกเปลี่ยนนั้นก็จะขึ้นลงไปเรื่อยๆ แล้วแต่สถานที่แลกเงินด้วย เราแนะนำว่าอย่าแลกเงินกับธนาคารค่ะ เพราะเรทแพงมากเฉลี่ยอยู่ที่ 0.035 บาท/วอน แนะนำว่าแลกกับร้านแลกเงินเลยจะถูกกว่า
เราแลกเงินที่ Super Rich สีเขียว สาขาราชดำริ ไม่ว่าไปเที่ยวประเทศไหนก็มาแลกที่นี่เสมอ ราคาเขาดีจริงๆ แนะนำก่อนออกไปแลกเงินศึกษาอัตราแลกเปลี่ยนวันนั้นก่อนไปแลกนะคะ คนละวันคนละอัตรา คนละสาขาก็คนละอัตราเช่นกันค่ะ
บัตร T-Money: สามารถเรียกว่าบัตรครอบจักรวาลก็ได้ ใช้จ่ายค่ารถบัสเข้า รถเมล์ รถไฟ แถมยังสามารถใช้จ่ายเงินตามร้านสะดวกซื้ออีกด้วย สบายจริงๆ ไม่ต้องแบกเหรียญให้หนักกระเป๋าสตางค์ บัตรนี้เป็นบัตรแบบเติมเงินซึ่งสามารถเติมได้ตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ(**นอกสถานีรถไฟเท่านั้น**) ราคาตัวบัตรขึ้นอยู่กับลายบัตรด้วย ราคามาตรฐานอยู่ที่ 2,500วอน ไปจนถึง 5,000วอน ถ้านั่งรถบัสเข้าเมืองแล้วใช้บัตร T-money จ่าย จะลด 1,000 วอนไปเลย
สภาพอากาศ : ช่วงที่เราไปเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่ได้สัมผัสอากาศหนาว 0 องศาที่พอมีแดดก็อุ่นไปถึง 8 องศา ตอนเช้ามีติดลบบ้าง
การแต่งกาย : ท่อนบน Heattech Extra Warm เสื้อขน เสื้อโค้ท ส่วนท่อนล่าง Heattech Extra Warm เลคกิ้งบุขนหนา ถ้าให้ดีพกชุดไปไม่เยอะแล้วไปหาซื้อที่เกาหลีจะได้ถูกกว่าหลากหลายกว่า อินเทรน์ด้วย
อินเตอร์เน็ต : มีให้เลือกทั้งแบบ Pocket wifi , เปิด Data Roaming รวมไปถึง Internet Sim ขึ้นอยู่กับความสะดวกส่วนบุคคล
เราเลือกใช้ Sim2fly ของ AIS ราคา 399 บาท (8วัน 4GB) เพราะง่ายดี สะดวก ไม่ต้องพกเครื่องไวไฟให้หนักกระเป๋า ส่วนเรื่องราคาก็ถูกสุดๆ (เพราะเราไม่ได้หารแชร์กับใคร จ่ายคนเดียวเต็มๆ) โดยเราซื้อและให้ AIS Shop ใกล้บ้าน แอคทิเวทตั้งแต่ตอนซื้อได้เลย เพราะแบบใหม่จะเริ่มนับวันแรกตอนใช้เน็ตครั้งแรก พอไปถึงโซลใส่ซิมเปิดมือถือก็ใช้เน็ตได้ทันที เร็ว แรง แม้อยู่ในรถไฟใต้ดินก็ตาม ปริมาณเน็ตจุใจมากเพิ่มเป็น 4GB เปิดแมป เปิดทวิตเตอร์จุใจตลอดทริป
แอพพลิเคชั่นระหว่างท่องเที่ยวที่จำเป็น : Subway (แบคกราวน์สีเหลืองๆ) – ส่องดูแมปสถานีรถไฟ แค่คลิกเลือกว่าจะเริ่มต้นจบลงที่สถานีไหน แอปจะบอกสาย/สถานีที่ต้องเชื่อมต่อ เวลาเดินทาง ด้านที่ประตูจะเปิดครบสุดๆ
รูปภาพในกระทู้ : รูปภาพทั้งหมดในกระทู้ถ่ายจาก Samsung Galaxy A5 (2017) โดยไม่ผ่านฟิลเตอร์ใดๆค่ะ
*** กระทู้นี้ตั้งใจทำมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ให้กับผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้และนักอ่านพันทิปทั้งหลาย และยังเป็นการขอบคุณกระทู้ท่องเที่ยวเกาหลีใต้อื่นๆที่เป็น Reference ในการเที่ยวของเรา แหล่งที่ขาดไม่ได้คือ #รีวิวเกาหลี ในทวิตเตอร์ที่เป็นแหล่งข้อมูลใหม่สำหรับเราอีกด้วย
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาจากเงินของเราทั้งนั้น เลือกเอง จ่ายเอง ไม่ได้มีสปอนเซอร์มาสนับสนุนใดๆทั้งสิ้นที่รีวิวละเอียดเพราะอยากแบ่งปันให้ทุกๆท่าน
ดังนั้น รีวิวทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นและประสบการณ์ในระหว่างการเตรียมตัวและการเดินทางของเรา โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพกระทู้นะคะ ***
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สนามบินดอนเมือง - ขาออก
เริ่มต้นการเดินทางด้วยคนต่อแถวรอเข้าคิวเช็คอินเยอะมากยาวเป็นหางว่าว คนเยอะตั้งแต่เคาท์เตอร์ยังไม่เปิด คนส่วนใหญ่มากๆล้วนไม่ได้ทำ Online Check-In กันทั้งนั้น (ทั้งที่ทำได้ง่ายๆ) ตัวเราทำออนไลน์เช็คอินมาก็จริงแต่ดันไม่รู้ก็ต่อไปได้ซัก 20 นาที จะมีเจ้าหน้าที่สายการบินมาเดินเรียกผู้โดยสารคนไหนทำออนไลน์เช็คอินมาก่อนเข้าแถวพิเศษเลย เราเลยได้แทรกมวลมหาประชาชนจำนวนมากและทำ Baggage Drop เสร็จภายใน 5 นาที ความเอ๋อของคนไม่เคยขึ้น Thai AirAsiaX อย่างเราเลยเจอไปหนึ่งดอก เพราะงั้นแนะนำให้ทำ Online Check – In เช็คอินไปกันก่อนนะคะ ง่าย เร็ว ไม่เสียเวลาชีวิต ไม่ต้องมาก่อนเวลา เดินปลิวๆเหมือนเหล่าชาว Premium Flex แน่นอน
และแล้วดวงอันน้อยนิดของเราก็เหมือนจะแผ่วเมื่อไฟล์ทดีเลยไป 50 นาทีจาก 2.40 เป็น 3.30 น. ง่วงก็ง่วงทำงานมาทั้งวัน ล้ามาก ยังต้องกลัวแผนเที่ยวจะรวนเพราะถึงที่หมายสายไปอีก พอได้เวลาบอร์ดดิ้ง มวลมหาประชาชีก็บรรจุลงเครื่องกันแบบเต็มเครื่องแน่นมากปะปนไปด้วยเหล่าคณะทัวร์ไทย เหล่าคนเกาหลีใต้ และคณะ(ที่ดูน่าจะ)โดดร่วมจำนวนมาก
เราเลือกนั่งแบบ Quiet Zone (เพิ่มเงินหน่อย เพื่อความสบาย) เพราะต้องการความสงบสไตล์หญิงไทยรักเด็กเฉพาะภาคพื้นดิน คือจะนอนเอาแรง ไม่ต้องการรับแสงสว่างใดๆมารบกวนการพักผ่อน ปรากฏว่าแม้แต่โซนนี้ที่นั่งก็เต็ม ดวงอันน้อยนิดของเราจะแผ่วอีกครั้งเมื่อคนนั้งข้างๆเป็นชายร่างใหญ่ที่มีกลิ่นบุหรี่ โอ้โห บุญน้อยมาก แต่เพราะความง่วงหนักหน่วงเลยรอดมาได้ อาหารบนเครื่องของเราเป็นข้าวไก่เทอริยากิ รสชาติก็สไตล์อาหารบนเครื่อง รสชาติจืดๆแต่พอทานได้ ขนาดที่นั่งสำหรับสตรีสูง 159 ซม.นั้นยืดขานั่งได้กำลังดี ยิ่งถ้าไม่มีของวางได้เท้าแล้วน่าจะยืดขาได้สบายๆ แต่เบาะแบบตั้งตรงนั้นเมื่อยซักหน่อย ปรับเอนได้เล็กน้อย(เกรงใจคนข้างหลัง)
และแล้วชาว XJ 700 ก็ยังพอได้อานิสงค์ผลบุญจากกัปตันที่เหยียบมิดมาถึงอินชอนแบบทันกำหนดการ 10.05 น. นับว่ากรรมดีที่ทำมายังคงส่งผลให้เราบ้าง กัปตันลงจอดนิ่มพอสมควรนะคะหรือไม่รู้ว่าเราที่สลึมสลือเอง
สนามบินอินชอน - ขาเข้า
เครื่องของ TAAX จะอยู่คนละอาคารกับตม.จึงต้องนั่งรถไฟ 1 สถานีไปยังอาหารหลักของ Terminal 1 แนะนำให้จ้ำอ้าวไม่คิดชีวิตนะคะ กรอกใบตม.และเข้าห้องน้ำก่อนเครื่องลง ท่องไว้ว่าเราต้องเป็นคนแรกๆที่ได้เข้าตม. ไฟล์ทTAAX ขึ้นชื่อเรื่องตม.เพิ่งเล็ง เราไปคนเดียวจ้ำอ้าวพุ่งๆได้สบาย แทรกทะลุทะลวงจนไปถึงเขตตม.คนแรกๆ แทบไม่รอคิว
พอยื่นพาสปอร์ตให้ตม. ยืนนิ่งอยู่ 1 นาที ก็ขึ้นจอให้สแกนนิ้วมือ โอ้ ผ่านแล้วเหรอ เร็วมาก ไม่ได้เอื้อนเอ๋ยอะไรก็บตม.เม้แต่คำเดียว รอดเลย เราก็ไปเกาหลีใต้ครั้งนี้ครั้งที่ 3 ไม่เคยได้ยินเสียงตม.แม้แต่คนเดียว รอดอย่างรวดเร็วทุกรอบ ถ้ามาถึงช้าจะเสียเวลาต่อคิวและความรู้สึกเสียวสันหลังจะเพิ่มขึ้นเวลาเห็นคนเข้าห้องเย็นนะคะ
หลังจากออกมาก็ลงบันไดเลื่อนไปรับกระเป๋าที่สายพานได้ทันที พอได้กระเป๋าแล้วก่อนออกอย่าลืมยื่นใบศุลกากรให้เจ้าหน้าที่เพื่อออกสู่ด้านนอก
พอออกมาด้านนอกก็ต้องไปเติมบัตร T-money กันก่อน เรามีบัตรอยู่แล้วเลยเติมได้เลย ถ้าไม่มีก็ซื้อที่ร้านสะดวกซื้อที่สนามบินราคา 4,000 วอนไม่รวมค่าเงินในบัตรค่ะ ร้านสะดวกที่ใกล้โซนที่เราออกมาคือร้าน CU นั่นเอง เสียดายที่พนักงานพูดอังกฤษไม่ได้เลย พูดอังกฤษไปแต่ตอบเกาหลีกลับมา ทำงานสนามบินแท้ๆ
ได้เวลาเข้าเมืองกันต่อเลยค่ะ
4 มีนาคม 2561 เวลา 12:23 น.